มาตามนัด!สิงห์ชิลไล่ขย้ำ 3-1 ทะลุชิงโครินเธียนส์
ไม่มีอะไรพลิกโผทั้งสิ้นสำหรับศึกฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกที่"สิงโตน้ำเงิน คราม"เชลซีตัวแทนจากยุโรปไร้ปัญหาจัดการสังหารมอนเตอร์เรย์ตัวแทนจาก อเมริกาเหนือและกลางไปได้ 3-1 ทะลุเข้าไปชิงกับโครินเธียนส์
ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก รอบรองชนะเลิศ
สนาม : โยโกฮาม่า อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม
วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2555
มอนเตอร์เรย์ 1:3 เชลซี
ประตู : 0-1 มาต้า น.17, 0-2 ตอร์เรส น.46, 0-3 ดาร์วิน(ทำเข้าประตูตัวเอง) น.48, 1-3 เด นิกริส น.90+1
คลิปไฮไลท์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ มอนเทอร์เรย์ 1-3 เชลซี
เกมนี้ราฟา เบนิเตซจัดเชลซีเต็มขุมกำลังเกมรุกมาครบทั้งตอร์เรส, อาซาร์, มาต้าและออสการ์ ส่วนแผงมิดฟิลด์ลูอิซถูกดันขึ้นมาให้เล่นร่วมกับมิเล ปราการหลังสองคนก็ให้อิวาโนวิชกับเคฮิลล์ยืนไป
ส่วนมอนเตอร์เรย์เกมนี้มีตัวทีเด็ดลงสนามมาอย่างคอโรน่าและเด เนรี่รวมถึงหัวหอกดีกรีทีมชาติเม็กซิโกเด นิกริสกับเดลกาโด้ที่เคยค้าแข้งกับลียงมาก่อน
ครึ่งแรก
สิงห์ลุยก่อน!ลูอิซแทงให้อาซาร์ยิงหลุดเสา
เปิดฉากมาพี่ท่านเชลซีบุกแหลกเลยแถมน่าได้ประตูนำอย่างรวดเร็วด้วยจากการ จ่ายของลูอิซที่วันนี้ได้ขยับขึ้นมาเล่นมิดฟิลด์บอลทะลุช่องให้กับอาซาร์ส ปีดหลุดเข้าเขตโทษไปก่อนจะยิงปั่นไปเสาไกลแต่ก็หลุดออกหลังเพียงแค่นิดเดียว เท่านั้น
อิวาฯแปเตะมุมยังไม่เข้าเป้า
โอกาสได้ลุ้นกว่ายังเป็นของ"สิงห์บลูส์"ต่อเนื่องเลยนาที 14 เกือบได้ประตูอีกหนจากจังหวะเตะมุมของมาต้าเปิดเข้ามาทางเสาแรกและมีอิวาโน วิชที่วิ่งมาแปแต่บอลกระดอนพื้นหลุดเสาแรกออกไปนิดเดียวอีกแล้ว
สิงห์คำราม!มาต้ากดด้วยซ้ายนำเรียบร้อย
แล้วอีก 3 นาทีให้หลังทีมแชมป์ยุโรปก็ได้ประตูออกนำเป็นที่เรียบร้อยจากบอลโดนเคลียร์ ออกมาเข้าทางของโคลที่จ่ายมาหน้าเขตโทษให้กับอาซาร์ก่อนจะตอกส้นคืนให้กับ โคลที่เติมขึ้นมาตามด้วยเปิดเข้ากลางไปถึงเท้าของมาต้าจับก่อนแล้วก็ยิงผ่าน มือโอรอซโก้เข้าไป เชลซีออกนำเรียบร้อย 1-0
เถียงหน่อย!มอนเตอร์เรย์บุกมาได้จบ
ทางมอนเตอร์เรยน์เองก็มีจังหวะตอบโต้บ้างเหมือนกันจากการกระชากของคอโรน่า เบียดมากับทางอัซปิลิกวยต้า ก่อนจะล็อกกลับมาทีนึงแล้วเปิดบอลเข้าไปตรงหน้าประตูมีเด นิกริสวิ่งมาโหม่งแต่ก็ไม่ดีพอบอลโด่งออกหลังไป
เกมออกลูกนิ่งสิงห์ไม่เร่งรีบ
ผ่านครึ่งชั่วโมงมาทางทีมเยือนจากเม็กซิโกเองก็เริ่มตั้งเกมบุกได้อย่างต่อ เนื่องแล้วขาดเพียงแค่จังหวะสุดท้ายเท่านั้น เช่นเดียวกับเชลซีที่ดูจะเงียบไปหลังได้ประตูนำโอกาสจบเลยยังไม่ค่อยมีเท่า ไหร่
มอนเตอร์เรย์บุกมาเกือบได้จบ
เข้าท้ายครึ่งแรกแล้วยังหาจังหวะจบเพิ่มเติมไม่ค่อยได้เลย ใกล้เคียงหน่อยจะน่าจะเป็นมอนเตอร์เรย์จากคอโรน่าคนเดิมที่ดูจะเป็นตัวป่วน ของเชลซีที่สุดเวลานี้พาบอลมาทางซ้ายอีกแล้วก่อนจะขลุกขลิกผ่านอัซปิลิกวย ต้ามาได้แล้วเปิดแต่ก็โด่งเกินเด นิกริสโหม่งไม่ถึง ก่อนจบครึ่งไปที่เชลซีนำอยู่ 1-0
ครึ่งหลัง
ได้ไว!ตอร์เรสยิงแฉลบส่งสิงห์นำห่าง
กลับมาครึ่งหลังเพียงแค่นาทีเดียว"สิงห์บลูส์"ก็จัดการบวกประตูที่สองไป เรียบร้อยแล้วจากการบอลที่ออกไปทางซ้ายให้กับอาซาร์เติมมากระชากเผาเครื่อง เปเรซเข้าเขตโทษก่อนตบกลับคืนมาที่ตอร์เรสจับแล้วยิงบอลแฉลบกลายเป็นดี เปลี่ยนทางหนีโอรอซโก้เข้าประตูไป เชลซีออกนำห่างเป็น 2-0
สบายๆ...มอนเตอร์เรย์ทำ O.G สิงห์นำสามลูก
ถัดจากลูกที่สองมาได้เดี๋ยวเดียวทีมแชมป์ยุโรปก็มาบวกลูกสามได้แบบฉับไวจาก การทำเกมกันสวยงามเริ่มต้นที่อาซาร์ไขว้ให้กับตอร์เรสหลุดขึ้นมาทางริมเส้น ซ้ายก่อนจะเปิดดีดไซด์ก้อยไปเสาไกลให้กับมาต้าพยายามจะตบมาตรงกลางที่ออสกา ร์แต่กลายเป็นไปติดดาร์วินก่อนบอลจะค่อยๆกลิ้งเข้าประตูไป เชลซีสบายๆแล้วนำขาด 3-0
ออสการ์ส่งบอลนอนก้นตาข่ายแต่ล้ำหน้า
ทีมดังจากลอนดอนเกือบมาได้ประตูเพิ่มอีกแล้วในนาที 52 เป็นจังหวะที่มาต้าแทงเข้าเขตโทษให้กับออสการ์ได้ยิงผ่านมือโอรอซโก้เสียบ เสาแรกเข้าไปแล้วแต่ก็โดนจับล้ำหน้ากันไปก่อน
เดลกาโด้ส่องหน้าเขตโทษเข้ามือเช็ก
เกมเงียบไปซักพักจนกระทั่งมอนเตอร์เรย์บุกมาอีกชุดแล้วได้ลุ้นจากคอโรน่าคน เดิมตะลุยขึ้นมาทางซ้ายก่อนจ่ายมาตรงหน้าเขตโทษก่อนโดนไหลออกมาอีกต่อที่เดล กาโด้วิ่งเข้ามายิงเรียดด้วยขวาแต่เช็คก็ยังล้มตัวรับเอาไว้ได้ไม่ยากเย็น
คอโรน่าได้ยิงแต่ไปไหนไม่รู้
นาที 75 มอนเตอร์เรย์มาอีกแล้วคราวนี้จากบอลเตะมุมโดนเคลียร์ออกมาก่อนไหลออกไปทาง ขวาได้เปิดเข้าไปข้างใน ตัวตรงกลางโหม่งไม่ถึงหลุดมาที่เสาสองเข้าเท้าของคอโรน่ายิงแต่ก็ไปไหน ไม่รู้
ท้ายเกมแล้วสิงห์ชิวไปให้มอนเตอร์เรย์ครองบอล
เข้าช่วงท้ายเกมแล้วเชลซีไม่ต้องเร่งอะไรปล่อยให้มอนเตอร์เรย์ครองบอลเข้าไป แต่ก็สร้างอันตรายให้ทีมแชมป์ยุโรปสะเทือนไม่ได้เลยบอลสุดท้ายไม่มีจังหวะ ได้จบ
เด นิกริสซัดปลอบใจให้มอนเตอร์เรย์
แต่ทดเจ็บมอนเตอร์เรย์ก็มาได้ประตูปลอบใจจากจังหวะการจ่ายทะลุช่องให้กับเด นิกิรสได้หลุดเดี่ยวไปทางขวาโล่งๆเลยก่อนจะไปจับบอลในเขตโทษแต่งเข้าขวาแล้ว ก็ยิงผ่านมือเช็กที่พุ่งออกมาปิดมุมเข้าไปได้ตามมาไกลๆ 3-1
จบเกมก็เป็นอันวาเชลซีเอาชนะมอนเตอร์เรย์ไปสบายๆ 3-1 ผ่านทะลุเข้าไปชิงแชมป์ในวันที่ 16 ธันวาคมกับโครินเธียนส์แชมป์จากอเมริกาใต้ที่เอาชนะทางอัล อาห์ลีมา 1-0 ก่อนหน้านี้
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
มอนเตอร์เรย์ : โจนาธาน โอรอซโก้ 4.5, ดาร์วิน ชาเวซ 5.0, โฆเซ่ บาสซานต้า 5.0, ฮิรัม มิเอร์ 5.0, แซร์คิโอ เปเรซ 4.5 (โอโซริโอ น.57 5.0), เซเวโร่ เมซ่า 5.5 (โซลิส น.83 -), วอลเตอร์ อโยวี่ 5.5, เฆซุส คอโรน่า 6.0, เนรี่ คาร์โดโซ่ 6.5, เฆซุส เด นิกริส 6.0, เซซาร์ เดลกาโด้ 5.5 (คาร์เรนโญ่ น.83 -)
สำรองไม่ได้ลงสนาม : ฆวร เด ดิออส อิบาร์ร่า, เฆซุส ดาอุทท์, ลูอิส โลเปซ, มิเกล โมราเลส, ออสการ์ การ์เซีย, เกราร์โด้ โมเรโน่, กิลเฮอร์เม่ มาดริกัล, ฮัมแบร์โต้ ซัวโซ่, ซัลวาดอร์ ฆาสโซ่
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ค 5.5, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 5.0, แอชลี่ย์ โคล 7.0, แกรี่ เคฮิลล์ 5.5, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า 5.0, ดาวิด ลูอิช 7.0 (แลมพาร์ดิ น.63 5.5), จอห์น โอบี มิเกล 6.0, ฆวน มาต้า 8.0* (แฟร์เรร่า น.74 5.0), ออสการ์ 7.0, เอด็อง อาซาร์ 7.5, เฟร์นานโด ตอร์เรส 7.0 (โมเซส น.79 -)
สำรองไม่ได้ลงสนาม : รอส เทิร์นบูลล์, เฮนริเก้ ฮิลาริโอ, จอห์น เทอร์รี่, ไรอัน เบอร์ทรานด์, รามิเรส, จอร์จ ซาวิลล์, มาร์โก้ มาริน, เดเนียล สเตอร์ริดจ์, ลูคัส เปียซอน