ปี๊บหน่อยไหม...หงส์มอดม้วยโดนหมูไล่กัดกลับบ้านเก่า 3-2
"รองแชมป์เก่า"ลิเวอร์พูลนึกว่าเจองานง่ายที่ไหนได้บุกไปโดน"หมูชรา"โอลด์แฮมทีมจากลีก วันไล่ขวิดไม่เหลือลายสโมสรจากพรีเมียร์ลีกก่อนแพ้ไป 3-2 ชนิดสาวกต้องอายม้วนโบกมือลาศึกเอฟเอ คัพประจำปีนี้ไปก่อนกำหนด
เอฟเอ คัพ รอบ 4
วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม 2556
โอลด์แฮม แอธเลติก 3-2 ลิเวอร์พูล
สนาม : บอนดารี่ พาร์ค
ประตู : 1-0 แมตต์ สมิธ น. 2 , 1-1 หลุยส์ ซัวเรซ น. 16, 2-1 แมตต์ สมิธ น. 45, 3-1 รีซ วาบาร่า น. 48, 3-2 โจ อัลเลน น. 80
คลิปไฮไลท์ เอฟเอ คัพ โอลด์แฮม แอธเลติก 3-2 ลิเวอร์พูล
เจ้าถิ่นโอลด์แฮมฟอร์มไม่ดีแพ้มารวด 3 เกมติดต่อกันแล้วยิ่งเกมนี้ต้องมาเจอ"หงส์แดง"ลิเวอร์พูลที่กำลังฟอร์มดีทำให้อาจต้องน้ำตาตกอีกครั้ง
เจ้าบ้านวางดีน บูซานิสอดีตเด็กปั้นของลิเวอร์พูลประจำการหน้าปากประตูโดยมีเอ็มโวโต้กับกราวน์เป็นแกนหลักในแนวรับส่วนกองหน้ามีโจเซ่ แบ็กซ์เตอร์อดีตดาวรุ่งพุ่งแรงของเอฟเวอร์ตันคอยล่าตาข่าย
ด้านทีมเยือนชนะ 4 จาก 5 นัดหลังสุดแต่เกมนี้พักผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังไว้หลายคนทว่ายังมีหลุยส์ ซัวเรซสวมปลอกแขนกัปตันทีมลงล่าตาข่าย
ประตูเป็นหน้าที่ของแบรด โจนส์อีกครั้งหลังจากเรน่าเกิดเดี้ยงตั้งแต่เกมพ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแนวรับ 4 คนมีโคอาเตซจับคู่กับสเคอร์เทลในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟโดยมีเด็กอย่างโรบินสันและวิสดอมขนาบข้างในตำแหน่งฟูลแบ็คซ้ายขวา
กองกลางวันนี้ไม่มีเจอร์ราร์ดนำทัพโดยร็อดเจอร์สส่งอัลเลน, เฮนเดอร์สันและสเตอร์ลิ่งคอยทำเกมตรงกลางสนาม
แดนหน้าเป็นหน้าที่ของ 3 ผสานอย่าง"หม่อมเหยิน", ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์และฟาบิโอ บอรินี่
ครึ่งแรก
โดนก่อนเลย...สเคอร์เทลสกัดไม่ขาดเข้าประตูตัวเอง
เปิดเกมมาไม่ถึง 2 นาทีเจ้าบ้านขึ้นนำอย่างรวดเร็วในจังหวะที่เอ็มชานยาม่าเปิดโด่งมาจากริมเส้นด้านซ้ายให้สมิธยื่นหัวมาโขกจากด้านหลังของโคอาเตซบอลตกลงพื้นสเคอร์เทลพยายามสกัดแต่ไม่พ้นบอลเสยตาข่ายเข้าไป
เดือด!โจนส์ยั๊วะโดนตามน้ำเข้าปลายคาง
มาถึงนาทีที่ 8 เกมมาเดือดพล่านเลยในจังหวะที่โจนส์รับบอลยิงไกลของครอฟท์กระฉอกออกมาแล้วซิมพ์สันพยายามตามเข้าไปซ้ำแต่เตะไปเต็มคางของโจนส์จนทำให้มือกาวออสซี่ไม่พอใจรวมถึงสเคอร์เทลก็มาผสมโรงด้วยทำให้สุดท้ายซิมพ์สันได้ใบเหลืองไปสงบสติอารมณ์
หงส์ยังป่วน"หมูชรา"ได้ยิงอีก
ผ่านไป 13 นาที"หงส์แดง"ยังตั้งเกมไม่ได้เลยแถมยังเกือบโดนไปอีกลูกเมื่อครอฟท์พยายามยิงไกลจากระยะกว่า 25 หลาแต่บอลไม่ตรงกรอบ
คำนวณไว้แล้ว!เหยินทำชิ่งกองหลังโอลด์แฮมหลุดยิงตีเสมอ
"หงส์แดง"ตีเสมอได้อย่างเหลือเชื่อในนาทีที่ 16 เมื่อซัวเรซเลี้ยงมาคนเดียวจากแดนของตัวเองแล้วพยายามจะทำชิ่งกับสเตอร์ริดจ์แต่ไปโดนกองหลังโอลด์แฮมสกัดบอลกลับมาเข้าเท้า"หม่อมเหยิน"ที่วิ่งตามมาได้ยิงตามน้ำผ่านบูซานิชเข้าประตูไปเลย
ยังระอุ...โปรเลี้ยงฉุนเหวี่ยงใส่หลังเจ้าถิ่น
เกมยังเดือดไม่จบเมื่อ"โปรเลี้ยง"หลุดเข้าไปจะได้ยิงแล้วแต่โดนคลิฟฟ์ ไบร์นตามมาสกัดจังหวะสุดท้ายและจังหวะตามน้ำทั้งคู่เอามือไปปาดป่ายกันทำให้ลี โพรเบิร์ตต้องเรียกกัปตันทีมทั้ง 2 ฝ่ายมาติวเข้มเลย
หงส์อดนำ!หม่อมเหยินล้่ำหน้าก่อน
ลิเวอร์พูลส่งบอลเข้าไปกองก้นตาข่ายได้แล้วจากจังหวะฟรีคิกของเฮนเดอร์สันที่ไปโดนแถวๆไหล่ของซัวเรซนิดนึงก่อนเข้าประตูไปทว่าไลน์แมนกลับยกธงขึ้นมาแล้ว
หงส์ทำสวย...ราฮีมหลุดยิงตรงโกล
ผ่านมาครึ่งชั่วโมงทีมเยือนทำเกมกันมาสวยเริ่มจากซัวเรซแทงไปให้บอรินี่ก่อนที่จะจ่ายต่อไปให้สเตอร์ลิ่งที่เติมมาตามช่องเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนที่ปีกอพอลโล่จะพยายามยิงหักมุมกลับมาแต่ไม่พ้นมือของบูซานิส
หลังหงส์ยังเหวอโดนลูกโด่งเล่นงาน
เกมมาถึงนาทีที่ 43 โอลด์แฮมยังใช้ลูกบอมบ์เป็นอาวุธเด็ดและคราวนี้บอลไปเข้าหัวของเอ็มโวโต้กองหลังที่เติมขึ้นมาได้โขกแต่บอลเบาโจนส์รับเอาไว้ได้
แถมในนาทีสุดท้ายจากลูกตั้งเตะสมิธยังพยายามเบียดโคอาเตสจนได้โขกอีกครั้งแต่โจนส์ก็ยังปัดข้ามคานออกไปหวุดหวิด
โถ...โจนส์พลาดหงส์ตามหลังอีกรอบ
ช่วงทดเวลานาทีสุดท้ายโจนส์ทำพลาดมหันต์เมื่อรับบอลเปิดจากด้านข้างฝั่งซ้ายหลุดมือบอลไปเข้าเท้าของครอฟต์ก่อนผ่านไปให้สมิธได้แปโล่งๆที่เสาสองไม่เหลือซากเจ้าถิ่นขึ้นนำอีกครั้ง
ครึ่งหลัง
บอรินี่เข้าฮอร์สหลุดสามเหลี่ยม
ไม่ถึง 15 วินาทีแรกโรบินสันเติมขึ้นมาตรงริมเส้นด้านซ้ายก่อนปาดมาให้บอรินี่ได้ยิงโล่งๆทว่าดาวยิงอิตาเลี่ยนซัดไม่ดีบอลไม่ตรงกรอบหลุดสามเหลี่ยมไปนิดเดียว
ลูกโด่งอีกแล้ว...โอลด์แฮมโขกเช็คคานหงส์ปาดเหงื่อ
โอลด์แฮมขึ้นนำห่างแล้วหลังจากผ่านครึ่งหลังไป 3 นาทีเมื่อพวกเขาขึ้นบอลมาตรงริมเส้นด้านซ้ายก่อนเปิดโด่งตามสไตล์ไปที่เสาไกลให้วาบาร่าแบ็คขวาวิ่งขึ้นมาโถมโขกบอลย้อนไปเช็คคานเข้าประตูไปอย่างสวย
สเคอร์เทลเติมมายิงยังติดบล็อค
นาทีที่ 58 สเคอร์เทลเก็บบอลได้จากจังหวะเตะมุมก่อนลากเข้าไปยิงยัดในกรอบเขตโทษด้านซ้ายติดกองหลังซัวเรซพยายามตามซ้ำแต่ก็โดนบล็อคออกหลังไปอีกครั้ง
หัวขิงได้ส่องยังติดเหมือนเดิม
ถัดมาอีก 2 นาทีสเตอร์ริดจ์เลี้ยงจี้เข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนจ่ายมาให้เจอร์ราร์ดที่ยืนรอตรงจุดโทษล็อคบอลหลบกองหลังหนึ่งจังหวะแต่ท้ายที่สุดก็ยิงไปติดบล็อคเจ้าถิ่นอยู่ดี
หงส์โหมบุกยังเจาะไม่เข้า
นาทีที่ 67 "หงส์แดง"พลาดได้ประตูเหลือเชื่อในจังหวะที่ซัวเรซหลุดไปถึงเส้นหลังด้านซ้ายก่อนตวัดกลับมาให้เจอร์ราร์ดได้แปเน้นๆแต่บอลไปติดหลังของแบ็กซืเตอร์ที่พุ่งมาสกัดบอลเด้งออกมาไปเข้าทาง"โปรเลี้ยง"แต่ก็รีบร้อนยิงออกไปอีก
ขยับมาอีกนิดเดียวซัวเรซเลี้ยงเข้าไปถึงเส้นหลังด้านขวาตามถนัดแต่จังหวะสุดท้ายพยายามยิงมุมแคบไปติดมือของบูซานิสที่ปิดมุมเอาไว้หมดแล้ว
โอลด์แฮมมีสวนเกือบได้อีกลูก
เข้าสู่ช่วง 13 นาทีสุดท้ายโอลด์แฮมได้บุกขึ้นมาบ้างและก็เกือบได้ประตูในจังหวะที่แบ็กซ์เตอร์ได้ตวัดยิงตามน้ำแต่บอลหลุดเสาสองออกไปชนิดที่โจนส์ได้แต่ยืนป้องกันด้วยสายตาไปแล้ว
อัลเลนวอลเลย์หงส์ตามอีกลูก
มาถึงนาทีที่ 80 "หงส์แดง"ก็ได้ประตูตีตื้นจากจังหวะเตะมุมที่กองหลังเคลียร์ไม่ขาดบอลมาเข้าเท้าของอัลเลนตวัดยิงไปชนแบ็กซ์เตอร์บอลเปลี่ยนทางพุ่งเข้าข้างเสาไปทำให้ทีมเยือนตามมาห่างอีกประตูเดียวเท่านั้น
โรบินสันยิงนก...หม่อมเหยินอย่างเซ็ง
เหลือ 2 นาทีสุดท้ายเชลวี่ย์วางบอลไปให้โรบินสันได้หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายแต่เจ้าตัวดันเลือกยิงออกหลังไปไกลทำให้ซัวเรซออกอาการโวยวายว่าทำไมไม่เปิดมากลางประตู
หัวขิงซัดเต็มชนคานสนั่น
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บเจอร์ราร์ดพยายามตั้งป้อมยิงด้วยขวาระยะ 20 หลาบอลโค้งผ่านมือของบูซานิสไปแล้วทว่าไปชนคานเข้าอย่างจังอดไปประตูตีเสมอไปตามระเบียบ
จนแล้วจนรอด"หงส์แดง"ก็ไม่สามารถตามตีเสมอได้สำเร็จทำให้ต้องจอดป้ายศึกเอฟเอ คัพที่รอบ 4
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม :
โอลด์แฮม แอธเลติก : ดีน บูซานิส 6, โจนาธาน กราวน์ส 6, ฌอง เอ็มโวโต้ 7, คลิฟฟ์ ไบร์น 7, รีซ วาบาร่า 7 , เจมส์ เวโซลอฟสกี้ 7, ลี ครอฟต์ 6, ยูสซุฟ เอ็มชานกาม่า 6 (คาร์ล วินเชสเตอร์ 7 น. 10), ร็อบบี้ ซิมพ์สัน 7 (ดาเนี่ยล เทย์เลอร์ น. 78), แมตต์ สมิธ 8 (เดวิด เมลเลอร์ น. 83), โจเซ่ แบ็กซ์เตอร์ 7
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : อเล็กซ์ ซิซัค, คอนเนอร์ บราวน์, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, คริส ซูเธอร์แลนด์
ลิเวอร์พูล : แบรด โจนส์ 3 , เซบาสเตียน โคอาเตส 4, มาร์คิน สเคอร์เทล 6, อันเดร วิสดอม 6 (สตีเว่น เจอร์ราร์ด 7 น. 56), แจ็ค โรบินสัน 6, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 6, โจ อัลเลน 5 , ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 5 (จอนโจ้ เชลวี่ย์ น. 73), หลุยส์ ซัวเรซ 7 , ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ 6, ฟาบิโอ บอรินี่ 5 (สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง 7 น. 56)
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : ปีเตอร์ กูลัคซี่, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ลูคัส เลว่า, ซูโซ่