คาสซิโอ!สิงห์ยิงติดหมดโดนโป้งเดียวดับ 1-0 อดแชมป์
เชลซีคงโดนชื่อนี้หลอกหลอนไปอีกนาน เพราะครึ่งแรกพวกเขามีโอกาสเพียบที่น่าจะเป็นประตูแต่โดนคาสซิโอเซฟเทพเอา ไว้ได้หมด ก่อนโครินเธียนส์จะได้ประตูชัยจากเกร์เรโร่ยัดเหยียดความผิดหวังให้ลูกทีม ของเบนิเตซอกหักวืดแชมป์สโมสรโลกไปด้วยสกอร์ 1-0
นัดชิงชนะเลิศ ชิงแชมป์สโมสรโลก
วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม 2555
โครินเธียนส์ 1 - 0 เชลซี
สนาม : โยโกฮาม่า สเตเดี๊ยม
ประตู :1-0 เกร์เรโร่ น.68
คลิปไฮไลท์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ โครินเธียนส์ 1-0 เชลซี
เบนิเตซพร้อมลุ้นถ้วยสโมสรโลกใบที่สองของเขา หลังจากที่เคยพาอินเตอร์ มิลานซิวมาแล้วรอบ โดยเกมนี้ให้แลมพาร์ดสวมปลอกแขนลงเป็นกัปตันทีม
แดนหน้าแน่นอนว่าต้องเป็นตอร์เรสหัวหอกคู่บุญของเขาลงล่าตาข่าย โดยมีอาซาร์และมาต้าคอยช่วยกันปั้นเกมให้
ครึ่งแรก
เซฟได้ไงวะเฮ้ย!เคฮิลล์ยิงจ่อๆติดเฉย
เริ่มเกมขึ้นไม่ทันไร เชลซีก็ได้จังหวะที่น่าจะขึ้นนำแบบโคตรๆไปเลย จากจังหวะเล่นลูกตั้งเตะที่โยนเข้าไปแล้วกองหลังของโครินเธียนส์สกัดไม่ดี บอลเข้าทางเคฮิลล์ที่ได้ดีดแบบเต้มๆเน้นๆจ่อๆแล้ว แต่คาสซิโอกลับล้มตัวสกัดเอาได้ก่อนที่บอลจะข้ามเส้น สุดยอดมากๆ
สิงห์เหมือนเกมจะต่อกันไม่ติด
เครื่องไม่ร้อนหรือเครื่องไม่เดินยังไงไม่รู้ แต่เชลซีดูแล้วยังไม่ค่อยมีจังหวะอะไรมากนอกจากลูกฟรีคิกที่ได้ลุ้นเบาๆ โหม่งไปโดนบล็อกเท่านั้น เป็นทางโครินเธียนส์ที่ได้โอกาสจากเปาลินโญ่ยิงไกล แต่ก็นะ หลุดไปเยอะ
โมเสสยากไปนิดนะ
นาทีที่ 26 จริงๆถ้าใช้จังหวะน้อยกว่านี้หน่อยเพื่อนคงได้ลุ้นกันไปแล้วสำหรับโมเสส ที่ได้บอลทางกราบขวา แต่ดันจะไปเลี้ยงเอาชนะแบ็คของโครินเธียนส์ จังหวะมันเลยขาดๆเกินๆ อดเปิด พอได้บอลอีกรอบก็เปิดไปติดเพราะมุมมันปิดไปแล้ว
แหม ... นิดเดียวเอง
นาทีที่ 33 เกือบจะได้ซัดเหน่งๆอยู่แล้วเชียวสำหรับโมเสส ในจังหวะที่เขาได้บอลทางเดิมอีกครั้ง แต่คราวนี้กระดกพาบอลเข้าไปในเขตโทษแล้วแต่ แต่ตอนง้างจะซัดดันมีกองหลังเข้ามาเบียดก่อน เลยหวดแป้กหลุดออกหลังไป
หนึบไปไหม!ตอร์เรสยิงจ่อแต่ติดเซฟ
นาทีที่ 38 ก็จะหนึบเกิ้นสำหรับลูกนี้ ที่ตอร์เรสวิ่งตัดช่องกองหลังไปเกี่ยวเอาบอลที่เพื่อนโยนย้อยข้ามมาให้อย่าง สวย ก่อนที่จะตวัดยิงเร็วทันที ระยะจ่อเลยก็ว่าได้ แต่คาสซิโอผู้รักษาประตูของโครินเธียนส์กลับคว้าไว้ได้อยู่หมัด
เซฟโพด!โมเสสปั่นสวยแต่ไม่ผ่านเฉย
อีก 2 นาทีต่อมา อะไรจะเซฟขนาดนี้สำหรับคาสซิโอ เพราะจังหวะที่โมเสสหาช่องทางกราบซ้ายแล้วปั่นด้วยขวาส่งบอลพร้อมเข้าไป เสียบเสาให้สวยๆแล้ว แต่คาสซิโอกลับบินสุดตัวไปปัดมือเดียวออกหลังหน้าตาเฉย
ช่วงเวลาที่เหลือก็ผลัดกันบุกไปๆมาๆตามสเต็ปนิดหน่อย ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป่านกหวีดจบครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังคงเสมอกันอยู่ 0-0
ครึ่งหลัง
ติดอยู่คนเดียว!คาสซิโอเอาอีกละ
นาทีที่ 54 ถ้าวันนี้เชลซียิงไม่ได้คงนอนไม่หลับมีหน้าคาสซิโอหลอนทั้งคืนแน่ เพราะเป็นเขาอีกครั้งที่ปฏิเสธโอกาสของทีมจากเมืองผู้ดี เมื่อออกไปบล็อกจังหวะกระชากมาจิ้มในเขตโทษของอาซาร์ได้แบบเฉียบขาดเอามากๆ
โครินเธียนส์ขาดพื้นที่สุดท้าย
เข้าหนึ่งชั่วโมงเต็มของเกม ถ้าดูกันดีๆแล้วโครินเธียนส์จะมีโอกาสลุ้นประตูไม่แพ้เชลซีเลยถ้าพวกเขา เฉียบขาดมากกว่านี้ในพื้นที่สุดท้าย เพราะแม้จะมีโอกาสตัดบอล ครองบอลได้ แต่พอเข้าไปแถวกรอบเขตโทษกลับเหมือนเตะบอลอัดกำแพง เจาะทำกันไม่ได้สักที
สิงห์เงิบ!บุกไม่ได้โดนยิงเลยครับท่าน
นาทีที่ 69 เกมที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในครึ่งหลังทำให้เชลซีต้องจ่ายบทเรียนราคาแพง ของพวกเขา เมื่อเจอโคริสเธียนส์บุกอัด จนมาถึงจังหวะที่ดานิโล่รับบอลที่ทะลักมา ก่อนแตะหาจังหวะซัดในเขตโทษ แม้ว่าเชลซีจะช่วยกันบล็อกทั้งเช็กและกองหลัง แต่บอลที่แฉลบพวกเขาก็ตกลงหัวของเกร์เรโร่ที่เทคโหม่งเข้าไปตุงตาข่าย โครินเธียนส์ขึ้นนำ 1-0
แก้เกมด่วนเลย!ออสการ์ลงสนาม
นาทีที่ 72 ต้องแก้เกมแล้วสำหรับราฟา เพราะครึ่งหลังปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกมของพวกเขายวบลงไปเยอะ แนวรุกหายไปเลย ต้องเปลี่ยนเอาโมเสสออก ก่อนที่จะให้ออสการ์ลงไปงัดกับบราซิเลี่ยนเหมือนกันในสนาม
เร่งกันยังไม่ขึ้นเลยสิงห์
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะทวงประตูกลับคืนมาได้เลยสำหรับเชลซี แถมไปๆมาๆจะโดนโครินเธียนส์สวนฝังเอาซะด้วย เกมที่เบนิเตซพยายามแก้ลงไปยังไม่เห็นผลสักเท่าไหร่เลย
โครินเธียนส์ยังดูดีกว่า
แม้ว่าเกมจะดูผ่อนๆเพื่อเน้นสกอร์แล้วก็ตาม แต่เกมของโครินเธียนส์ก้ยังดูแน่นกว่าเชลซีที่เป้นฝ่ายบุกเข้าใส่เหมือนเดิม ต้องดูว่าจะมีปาฏิหารย์สำหรับลูกทีมของเบนิเตซหรือไม่
ก่อนหมดเวลาเคฮิลล์ดันไปโดนใบแดงจากจังหวะเข้าสกัดหนักใส่ผู้เล่นของโคริน เธียนส์ แถมยังเฮเก้อจากจังหวะที่ตอร์เรสชิงโหม่งส่งบอลเข้าประตูไปได้ แต่ไลน์แมนตีธงว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน ทำให้เชลซีต้องผิดหวังอย่างสุดซึ้ง พ่ายให้กับโครินเธียนส์ที่คว้าแชมป์สโมสรโลกไปได้เป็นสมัยที่ 2 ด้วยสกอร์ 1-0
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
โครินเธียนส์ : คาสซิโอ, อเลสซานโดร, ชิเกา, ฟาบิโอ ซานโตส, เปาโล อังเดร เบนินี่, ราล์ฟ, เปาลินโญ่, ดานิโล่, โฆเซ่ เกร์เรโร่, เอเมอร์สัน, ฆอร์เก้ เด ซูซ่า
สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม :
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, บรานิสลาฟ อีวาโนวิช, แอชลี่ย์ โคล, ดาบิด ลูอีซ, แกรี่ เคฮิลล์, รามิเรส, แฟรงค์ แลมพาร์ด, มาต้า, วิคเตอร์ โมเสส, เอด็องน์ อาซาร์, เฟร์นานโด ตอร์เรส
สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม :