เรียงหน้ายิง!เสือเหลืองโหดบุกต้อนสมัน4-0ลิ่วตัดเชือกเดเอฟเบ
"เสือเหลือง"โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์โชว์ฟอร์มได้สมราคาจ่าฝูงบุนเดสลีกาเมื่อบุกไปถล่มทีมระดับดิวิชั่น 4 อย่างโฮลสไตน์ คีล 4-0 โดยได้ประตูจากนักเตะไม่ซ้ำหน้าทำให้ทีมเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเดเอฟเบ โพคาลได้สำเร็จ
เดเอฟเบ โพคาลรอบ 8 ทีมสุดท้าย
วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555
โฮลสไตน์ คีล 0 : 4 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
ประตู : 0-1 เลวานดอฟสกี้ น.11, 0-2 คากาวะ น.17, 0-3 บาร์ริออส น.80, 0-4 เปริซิช น. 87
จ่าฝูงบุนเดสลีกา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์นัดนี้บุกไปเยือนทีมโฮลสไตน์ คีลทีมในดิวิชั่น 4 ของเยอรมันแต่ก็ไม่ประมาทส่งตัวหลักทั้งซูโบติช, คากาวะและเลวานดอฟสกี้ลงสนาม ส่วนเจ้าถิ่นที่ล้มทีมในบุนเดสลีกาอย่างไมนซ์มาแล้ว นัดนี้ก็ส่งชุดผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนามโดยฝากความหวังไว้ที่มาร์ค ไฮเดอร์กองหน้าคนสำคัญของทีม
ครึ่งแรก
เริ่มเกมมาเป็นดอร์ทมุนด์ที่บุกเข้าใส่ทีมเยือนตามประสาทีมชื่อชั้นดีกว่าแต่จังหวะจบเหน่งๆยังไม่มีและก็เป็นเจ้าถิ่นที่ได้ลุ้นก่อนซะงั้นเมื่อลินด์เนอร์ได้บอลทะลุช่องหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษแต่ดันยิงไปติดเซฟของลังเกรัคอย่างน่าเสียดาย
จบกันไม่คมก็ต้องมาโดนลงโทษแบบนี้สำหรับโฮลสไตน์เมื่อ"เสือเหลือง"ได้ประตูขึ้นนำจนได้ในนาทีที่ 11 หลังลูกเปิดจากทางซ้ายถูกกองหลังเจ้าถิ่นสกัดบอลกันไม่ดีและก็เป็นเปริซิชทีพยายามจะวอลเลย์จังหวะเดียวแต่ไม่ตรงกรอบบอลเลยไปที่เลวานดอฟสกี้ที่สอดขึ้นมาแปเข้าไปง่ายๆไม่มีเหลือ ดอร์ทมุนด์ขึ้นนำ 1-0
ทีมเยือนยังเดินหน้าบุกต่อไปและนาทีที่ 17 ก็มาได้ประตูที่ 2 จากจังหวะที่พิสซ์เช็คลากบอลลุยขึ้นมาทางขวาจนสุดเส้นหลังก่อนที่จะตบกลับมาให้กับคากาวะแปเข้าประตูไป ทีมเยือนนำ 2-0
เกมผ่านไปครึ่งชั่วโมงยังเป็นดอร์ทมุนด์ที่ทำเกมบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่องแต่ดูนักเตะจะไม่ค่อยเน้นกันมากนักทำให้จังหวะสุดท้ายยังไม่เฉียบคมพอขณะที่เจ้าบ้านอย่างโอลสไตน์ คีลพอได้บอลมาก็เปิดยาวไปข้างหน้าแต่ก็ถูกกองหลัง"เสือเหลือง"เก็บกินหมดทำให้ทำเกมรุกแทบไม่ได้เลย
หลังจากนั้นทั้ง 2 ทีมทำประตูเพิ่มกันไม่ได้จบครึ่งแรกดอร์ทมุนด์อาศัยชั้นเชิงที่เหนือกว่ามากบุกมานำโฮลสไตน์ คีลอยู่ 2-0 ต้องมาดูว่าครึ่งหลังทีมสมันน้อยอย่างเจ้าถิ่นจะสามารถสร้างความลำบากใจในเกมรับของ"เสือเหลือง"ได้มากกว่านี้หรือเปล่าหลังจากครึ่งแรกแม้ว่าจะได้ยิงอยู่ 2-3 ครั้งแต่ก็ยังไม่ได้ลุ้นมากนัก
ครึ่งหลัง
เริ่มเกมครึ่งหลังดูเหมือนเจ้าถิ่นจะเริ่มกล้าครองบอลกันมากขึ้นทำเกมขึ้นมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆหน้ากรอบเขตโทษของดอร์ทมุนด์อยู่เนืองๆแต่พอถึงพื้นที่สุดท้ายยังจ่ายบอลขาดๆเกินๆกันอยู่และนาทีที่ 54 ทีมเยือนก็เกือบได้ลูกที่ 3 เมื่อเปริซิชพยายามปั่นโค้งจากนอกกรอบเขตโทษแต่เจอร์เกนเซ่นกองหลังของโฮลสไตน์ก็ยังโหม่งสกัดออกหลังไปได้ก่อน
เกมเริ่มเปิดมากขึ้นทั้ง 2 ทีมต่างก็พยายามที่จะหาโอกาสพังประตูให้ได้แต่ยังไม่ดีพอในจังหวะสุดท้ายกันทั้งคู่สกอร์ดอร์ทมุนด์ทีมเยือนยังนำโฮลสไตน์ คีลอยู่ 2-0 เท่าเดิม
นาทีที่ 69 เจอร์เก้น คล็อปป์เทรนเนอร์ของจ่าฝูงบุนเดสลีกาเริ่มมีการเปลี่ยนตัวแล้วเมื่อส่งทั้งเควิน โกรสครอยท์ซและลูคัส บาร์ริออสลงมาโดยถอดเอาโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้และบลาสซีคอฟสกี้ออกไป
นาทีที่ 73 "เสือเหลือง"ก็มาพลาดได้ประตูเพิ่มเมื่อคากาวะลากบอลทะลุขึ้นไปตรงกลางก่อนจะจ่ายไปทางขวาให้กับพิสซ์เช็คได้ตบเข้ากลางให้กับบาร์ริออสได้ยิงเยนเซ่นก็ออกมาบล็อกได้ทันบอลไปเข้าทางของคากาวะที่พยายามจะซ้ำอีกทีแต่ก็ยังติดบล็อกอีกครั้งก่อนที่กองหลังเจ้าถิ่นจะช่วยกันสกัดออกไปได้
ในที่สุดก็มาได้ลูกที 3 ซักทีสำหรับดอร์ทมุนด์เมื่อเปริซิชเปิดบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายมาหน้าประตูให้กับบาร์ริออสแปโล่งๆเข้าประตูไป ทีมเยือนนำห่าง 3-0
ช่วงท้ายเกมนาทีที่ 87 ดอร์ทมุนด์ก็มาได้ลูกโทษ 2 จังหวะจากการที่ผู้ตัดสินมองว่าผู้รักษาประตูของเจ้าถิ่นใช้มือรับลูกที่กองหลังส่งมาให้และก็เป็นเปริซิชที่ยิงบอลที่เขี่ยเปลี่ยนจุดมาชนเสาเข้าไปจบเกม"เสือเหลือง"โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์บุกมาเอาชนะโฮลสไตน์ คีลไปแบบสบายเท้า 4-0 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศศึกเดเอฟเบ โพคาลได้สำเร็จ
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
โฮลสไตน์ คีล : มอร์เท่น เยนเซ่น, คริสเตียน เจอร์เกนเซ่น, อารอน แบร์เซล, แดน พาทริค พ็อกเกนเบิร์ก, พาทริค เฮอร์มานน์, ราฟาเอล กาซิออร์, สตีฟ มุลเลอร์, มาร์ค ไฮเดอร์(ทิม วูฟฟ์ น.83), เฟียต ไซโกรา, ยาโรสลาฟ ลินด์เนอร์(ฟาเบียน เวทเทอร์ น.86), โซเฟียน ชาเฮด(จาค็อบ ซาคห์ส น.81)
สำรองไม่ได้ใช้ : คาร์สเท่น ฟิสเชอร์, เควิน ชูลส์, มาร์โก้ สตีล, นิคลาส จากุสช์
ดอร์ทมุนด์ : มิทเชลล์ ลังเกรัค, แม็ต ฮุมเมลส์, เนเว่น ซูโบติช, มาร์เซล ชเมลเซอร์, ลูคัส พิสซ์เช็ค, เซบาสเตียน เคลห์, มอริตซ์ ไลท์เนอร์, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้(ลูคัส บาร์ริออส น.69), ชินจิ คากาวะ(อิลเคย์ กุนโดกัน น.82), อิวาน เปริซิช, ยาคุบ บลาสซีคอฟสกี้(เควิน โกรสครอยท์ซ น.69)
สำรองไม่ได้ใช้ : เฟลิเป้ ซานตาน่า, โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์, อันโตนิโอ ดา ซิลวา, คริส โลว์