สกอร์มิตรภาพ!แลมพ์ช่วยยิงสิงโตไล่เจ๊าไอร์แลนด์ 1-1
สกอร์สมเป็นแมตช์อุ่นเครื่องสำหรับทีมชาติอังกฤษที่ทำได้แค่เสมอกับไอร์แลนด์ในเวมบลีย์ไป 1-1 หลังโดนยิงนำไปก่อน แต่ก็มาได้แลมพาร์ดช่วยตามเจ๊าในการประเดิมอุ่นเครื่องเตรียมพร้อมเกมฟุตบอลโลก 2014 ก่อนเจอบราซิลนัดหน้า
เกมอุ่นเครื่อง ระดับนานาชาติ
วันพุธที่ 29 พฤษภาคม 2556
อังกฤษ 1 : 1 ไอร์แลนด์
สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี๊ยม
ประตู : 0-1 ลอง น.13, 1-1 แลมพาร์ด น.23
คลิปไฮไลท์ กระชับมิตรทีมชาติ อังกฤษ 1-1 ไอร์แลนด์
เกมอุ่นเครื่องที่สนามเวมบลีย์ระหว่างอังกฤษและไอร์แลนด์จะเริ่มต้นขึ้นด้วยความน่าสนใจไม่น้อย เพราะพวกเขาไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่ีปี 1995 ที่เกมถูกยกเลิกไปแฟนบอลมีปัญหากัน
โคลสวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมลงเล่นเพื่อเป็นเกียรติให้กับการที่เขาลงเล่นในทัพ "สิงโตคำราม" มาแล้วเกิน 100 เกมและนี่ก็คือเกมที่ 102 ของเจ้าตัว
และสเตอร์ริดจ์ได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงเกมแรกในการเตะให้กับทีมชาติอังกฤษ ต้องดูว่าเขาจะช่วยทีมได้มากน้อยแค่ไหนขณะที่จับคู่ยืนกองหน้ากับรูนี่ย์
นอกจากนั้นแล้วนี่ยังเป็นเกมแรกที่อังกฤษใส่ชุดแข่งที่ออกแบบใหม่จากค่ายของไนกี้ลงเล่นเป็นเกมแรกอีกด้วย
ครึ่งแรก
สิงโตพยายามปั้นเกม
เริ่มต้นการแข่งขันอังกฤษดูเหมือนจะพยายามตั้งเกมของตัวเองให้ได้ โดยใช้แลมพาร์ดเป็นสูงกลางในการเคลื่อนบอล รวมทั้งจ่ายออกด้านข้างเพื่อให้ทั้งวัลค็อตต์และแชมเบอร์เลนคอยวิ่งป่วนแนวรับไอร์แลนด์
โดนอย่างไว!ลองขึ้นโขกกลบเสียงแฟนเจ้าบ้าน
นาทีที่ 13 อุตส่าห์ปั้นเกมอย่างดีมาโดนยิงซะไวเลยสำหรับอังกฤษ เมื่อไอร์แลนด์ทำกันได้สวย ก่อนที่โคลแมนจะครอสบอลยาวจากด้านข้างโคตรงามเข้าเขตโทษที่เสาแรก ลองวิ่งมาโฉบตัดโหม่งถึงบอลได้ก่อนกองหลัง ส่งบอลพุ่งโค้งข้ามมือของฮาร์ทที่บินสุดตัวแล้วเข้าไปเสียบเสาสอง ไอร์แลนด์นำเลย 1-0
เอาคืนไวไม่ต่าง!แลมพ์ได้ซัดจ่อๆไม่เหลือ
นาทีที่ 23 หรือเพียงแค่ 10 นาทีหลังจากที่ตกเป็นฝ่ายตามหลัง อังกฤษก็มาทำประตูตีเสมอคืนได้ จากจังหวะที่สเตอร์ริดจ์ทำได้สวยดึงบอลรอจังหวะจนสบช่องแล้วจัดเขากลางให้กับแลมพาร์ดที่มีดวงสักหน่อยที่บอลมันแฉลบปลิ้นมาให้ ก่อนจะซัดเข้าไปจากระยะไม่กี่หลา เกมเสมอกัน 1-1 แล้ว
เกมลุยกันตลอด
นี่ถือว่าเป็นเกมที่ใส่กันไม่หยุดเลยตั้งแต่แรกเริ่มที่เขี่ยบอล ทั้งสองทีมค่อนข้างมั่นใจในเกมรุกของตัวเอง แม้ว่าจังหวะสุดท้ายจะยังไม่ได้เสียวมากมายนอกจากที่ยิงไปได้ แต่รวมๆแล้วถือว่าทำได้ดีไม่ต่างกันในการพยายามตั้งเกมบุก
หริดเจ็บต้องโดนเปลี่ยน
แม้ว่าจะไม่ได้ใกล้ช่วงเปิดฤดูกาล แต่เชื่อว่าแฟนบอลของลิเวอร์พูลเห็นแบบนี้ต้องรู้สึกเซ็งไม่น้อย เพราะสเตอร์ริดจ์ที่อุตส่าห์ได้ลงตัวจริงเกมแรกให้กับทีมชาติอังกฤษต้องมาถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามเพราะเจอผู้เล่นไอร์แลนด์เสียบสกัดหนักจนสุดท้ายลุกเล่นต่อไม่ได้ ถูกส่งขึ้นเปลหามออกไป ก่อนที่ทีมจะให้เดโฟลงไปเล่นแทน
ธีโอลุยจนเกือบได้เรื่อง
นาทีที่ 38 ทำได้ไม่เลวเลยสำหรับวัลค็อตต์ในจังหวะนี้ที่เขาพยายามเลี้ยงลากบอลขึ้นทางฝั่งขวาของสนาม ก่อนที่จะตัดหักเข้าในแล้วแตะหนีกองหลังไปจนสุดเส้น พร้อมกับพยายามจ่ายยัดเข้ากลางไปให้เพื่อน แต่โดนดักเอาไว้ได้นิดเดียว
สิงโตหวดไม่ดีเกือบโดนเลย
นาทีที่ 44 หวุดหวิดใช้ได้เลยสำหรับจังหวะนี้ของอังกฤษ เพราะพวกเขาเหมือนจะไม่ได้สื่อสารกันในการรับมือลูกเตะมุมของไอร์แลนด์ ไปสกัดบอลที่โยนกันมาติดกันเอง สุดท้ายคีนเกือบจับบอลอยู่ ยังดีที่หลักไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะรูนี่ย์คอยเบียดไว้เลยไม่ได้ยิง
จบ 45 นาทีแรก อังกฤษตามตีเสมอไอร์แลนด์ได้ ทำให้ทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ที่ 1-1 พัก 15 นาทีค่อยมาว่ากันต่อในครึ่งหลับ
ครึ่งหลัง
โคลคล้ำเกือบได้ยิงฉลอง
ลงเล่นครึ่งหลังไม่ถึง 3 นาที โคลก็เกือบที่จะได้ทำประตูฉลองการได้กัปตันทีมในวันพิเศษของเขา จากจังหวะที่อังกฤษโยนยาวไปให้กับวัลค็อตต์ที่วิ่งควบไปเอาบอลเปิดจากสุดเส้น โคลตัดเข้าไปพยายามจะเอี้ยวตัวยิงด้วยเท้าขวา แต่มีกองหลังวิ่งมาแหย่สกัดซะก่อน
เสียงปรบมือกึกก้อง!โคลถูกเปลี่ยนออก
นาทีที่ 54 ได้รับเกียรติจากแฟนบอลทั่วทั้งสนามเลยสำหรับโคลที่ได้สวมปลอกแขนลงเล่นสำหรับนี้ เมื่อเขาถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามก่อนที่จะส่งให้เบนส์ลงไปเล่นแทน
สิงโตได้ครองแต่สปีดเกมตกนิดนึง
ผ่านชั่วโมงเต็มไปได้สักหน่อย ตอนนี้เกมส่วนมากเป็นของอังกฤษที่ได้บุกลุยใส่ไอร์แลนด์ เพียงแต่จังหวะของพวกเขาไม่ได้กดดันอะไรไอร์แลนด์ได้มากสักเท่าไหร่ ต้องเพิ่มมิิติในเกมอีกนิด
ธีโอขอฝืนยิงเอง
นาทีที่ 65 เกมสวนกลับของอังกฤษจังหวะนี้เอาเรื่องเหมือนกัน เมื่อบอลโยกไปให้กับเดโฟที่พลิกแตะต่อให้วัลค็อตต์ทางด้านขวาทันที ก่อนปีกความเร็วสูงจะแตะแล้วซัดเิอง ทั้งที่มีรูนี่ย์ยืนรอบอลอยู่อีกฝั่ง แต่บอลก็แฉลบกองหลังหลุดกรอบออกไป
บิ๊กเบนโดนกระแทกทำบอลหลุด
นาทที่ 77 มีแอบเสียวอยู่เหมือนกันสำหรับจังหวะนี้ของฟอสเตอร์ที่พยายามจะพุ่งออกไปรับบอล แ่ต่มีลองลอยตัวเข้ามาปะทะพร้อมๆกันทำให้เขาคว้าบอลไว้ไม่อยู่ ก่อนจะชุลมุนกันอยู่พักหนง สุดท้ายผู้ตัดสินก็หยุดเกมให้เป็นลูกฟาวล์ไป
ครึ่งหลังหนืดไปนิด
เหมือนจะเหนื่อยหรือยังไงไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆเกมของทั้งสองทีมดูจะผ่อนลงไปเยอะพอสมควรในครึ่งหลังนี้ แม้ว่าจะดูมีความพยายามในการเซ็ตเกมรุกกันเหมือนเดิม แต่ก็ยังลุยกันได้ไม่สุดทั้งคู่
อ็อกเหล็กได้ส้มหวิดยิงได้
นาทีที่ 83 เกือบทำประตูชัยได้อยู่แล้วเชียวสำหรับแชมเบอร์เลนในจังหวะที่รูนี่ย์พาบอลขึ้นมาตรงกลาง ก่อนจะพยายามแทงทะลุช่อง บอลแฉลบแต่กลายเป็นดีไปเข้าทางของแชมเบอร์เลนขึ้นเติมมาด้านซ้าย แต่จังหวะยิงกลับไปติดล็อกของผู้รักษาประตูซะได้
ธีโอยิงติดอีกดอกแล้ว
อีก 2 นาทีต่อมา เป็นจังหวะเสียวต่อเนื่องของอังกฤษที่เกือบจะได้ประตูขึ้นนำ เมื่อวัลค็อตต์ได้บอลทางกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะสบช่องยิงเลยจัดการตวัดยัดไปที่เสาแรก แต่นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผู้รักษาประตูของไอร์แลนด์บล็อกเอาไว้ได้
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
อังกฤษ : โจ ฮาร์ท(ฟอสเตอร์ น.45), เกล็น จอห์นสัน(โจนส์ น.45), แอชลี่ย์ โคล(เบนส์ น.54), แกรี่ เคฮิลล์, ฟีล จาเกียลก้า, ไมเคิ่ล คาร์ริค, ธีโอ วัลค็อตต์, แฟรงค์ แลมพาร์ด, อเล็กซ์ อ๊อกเหลด-แชมเบอร์เลน(มิลเนอร์ น.86), ดาเนียล สเตอร์ริดจ์, เวย์น รูนี่ย์
สำรองไม่ได้ลงสนาม : อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ย์, โจเลี่ยน เลสค็อตต์, เจมส์ มิลเนอร์, แจ็ค ร็อดเวลล์, แดนนี่ เวลเบ็ค
ไอร์แลนด์ : เดวิด ฟอร์ด, ซีมุส โคลแมน, จอห์น โอเชีย, ฌอน เซ็นต์ เล็ดเจอร์, สตีเฟ่น เคลลี่, เกล็นน์ วีแลน(เฮนดริค น.74), ไอเด้น แม็คกีดี้(แม็คเคลน น.68), เจมส์ แม็คคาร์ธี่ย์, โจนาธาน วอลเตอร์ส(แซมม่อน น.82), เชน ล็อง, ร๊อบบี้ คีน(ค็อกซ์ น.66)
สำรองไม่ได้ลงสนาม : ดาร์เรน แรนดอล์ฟ, คีเรน เวสต์วูด, ดาร์เรน โอเดีย, พอล แม็คเชน, เดเมี่ยน เดลานี่ย์, สตีเฟ่น ควินน์, เดวิด เมย์เยอร์, โรเบิร์ต เบรดี้, เวสลี่ย์ ฮูลาแฮน, เจฟฟ์ เฮนดริค