อุกอาจ!สิงโตบุกบ้านซานมาริโน่ฆ่ายกครัว 8-0
"สิงโตคำราม" อังกฤษก่อคดีสะเทือนขวัญหลังบุกถล่มซาน มาริโน่เละเทะจนสภาพศพดูไม่ได้ 8-0 โดยครึ่งแรกกดไปห้าลูกก่อนจะบวกเพิ่มอีกสามในครึ่งหลัง เก็บสามคะแนนเต็มตามหลังมอนเตเนโกร 2 แต้มเท่าเดิม
ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก (กลุ่มเอช)
วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2556
ซาน มาริโน่ 0-8 อังกฤษ
สนาม : สตาดิโอ โอลิมปิโก้
ประตู : 0-1 อเลสซานโดร เดลล่า วัลเล่ น.12 (ทำเข้าประตูตัวเอง), 0-2 อเล็กซ์ อ็อกเลด แชมเบอร์เลน น.29, 0-3 เจอร์เมน เดโฟ น.35, 0-4 แอชลี่ย์ ยัง น.39, 0-5 แฟรงค์ แลมพาร์ด น.42, 0-6 เวย์น รูนี่ย์ น.54, 0-7 ดาเนียล สเตอริดจ์ น.70, 0-8 เจอร์เมน เดโฟ น.77
ครึ่งแรก
แชมชนคาน
ช่วง 10 นาทีแรกเป็นอังกฤษที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดและได้โอกาสใกล้เคียงประตูขึ้นนำที่สุดเมื่อรูนี่ย์โขกตั้งให้แชมเบอร์เลนหลุดไปกระดกข้ามผู้รักษาประตูไปแล้วแต่บอลดันไปชนคานกระดอนออกมา
ซาน มาริโน่แจกโชคสิงโตนำ 1-0
ถัดมา 3 นาทีอังกฤษได้ประตูออกนำจนได้จากจังหวะบอลยาวจากแดนหลังที่วางไปให้เบนส์วิ่งสอดเติมขึ้นไปทางริมเส้นฝั่งซ้ายหลุดไปเปิดเข้ากลางหวังจะให้เพื่อนแต่กลายเป็นกองหลังเจ้าบ้านที่สกัดบอลพลาดเข้าประตูตัวเองไป ทีมเยือนออกนำ 1-0
แชมชนตาข่าย
นาที 29 อังกฤษมาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จนได้หลังบุกอยู่นานจากจังหวะที่วอล์คเกอร์ขึ้นเกมมาทางริมเส้นฝั่งขวาแล้วปาดต่อแชมเบอร์เลนวิ่งตัดเข้ากลางแล้วเล่นวันทูกับรูนี่ย์หลุดไปล่อเป้าผู้รักษาประตูแล้วก็ไม่พลาดซัดเข้าประตูไป
กรรมการตาถั่วอังกฤษอดได้ลูกสาม
ถัดมา 5 นาทีอังกฤษต้องขึ้นนำเป็น 3-0 แล้วทว่าผู้ช่วยผู้ตัดสินดันตาถั่วเป่าให้ลูกที่เดโฟยิงเข้าไปเป็นลูกล้ำหน้าทั้งๆที่เมื่อดูจากภาพช้าแล้วยังมีกองหลังซาน มาริโน่ห้อยอยู่อีกหนึ่งตัว
จนได้!เดโฟพาสิงโตหนีห่าง 3-0
อย่างไรก็ตามนาที 35 เดโฟช่วยให้อังกฤษหนีห่างเป็น 3-0 จนได้จากจังหวะที่รูนี่ย์วางบอลไปทางเสาสองให้แชมเบอร์เลนโขกกึ่งตั้งกึ่งทำประตูเข้ามาและเป็นเดโฟที่วิ่งไปยิงเข้าประตูไป
สนั่น!พี่หนุ่มส่องไกลเสียบเช็ดใต้คาน
ถัดมา 5 นาทีอังกฤษปิดเกมนี้ได้ตั้งแต่ครึ่งแรกหลังได้ประตูที่สี่จากความสุดยอดของยังที่ส่องไกลระยะกว่า 30 หลาบอลพุ่งเป็นจรวดเช็ดใต้คานเข้าประตูไปอย่างสวยงาม อังกฤษนำ 4-0
แลมพ์บวกลูกห้า
แม้นำ 4-0 แต่อังกฤษยังคงไม่ผ่อนเกมรุกและได้ประตูที่ห้าตามมาติดๆในนาที 42 จากจังหวะที่เบนส์วิ่งสอดขึ้นมารับบอลทะลุช่องจากเพื่อนหลุดไปทางกราบซ้ายก่อนตบเข้ากลางมาบอลถึงรูนี่ย์ก่อนแต่ปล่อยให้แลมพาร์ดที่ตำแหน่งดีกว่าวิ่งเข้ามาซัดบอลผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไป
ครึ่งหลัง
ครึ่งโหล!หมูส่องฟรีคิกหาย
เริ่มครึ่งหลังมา 9 นาทีประตูยังคงไหลมาเทมาอังกฤษมาได้ลูกที่หกจากจังหวะฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลาเป็นเวย์น รูนี่ย์ที่ปั่นบอลข้ามกำแพงเสียบตาข่ายเข้าไปอย่างสวยงาม อังกฤษนำ 6-0
ได้ยิงแล้วโว้ย!ซาน มาริโน่ได้ส่องหนแรก
ไม่น่าเชื่อเกมผ่านพ้นไป 62 นาทีซาน มาริโน่เพิ่งได้โอกาสสับไกครั้งแรกเป็นฟาบิโอ โบลลินี่ที่ได้ส่องไกลระยะเกิน 30 หลาแต่บอลเหินข้ามคานไปไม่ได้ลุ้นแต่ก็ไม่แคล้วได้เสียงเฮจากแฟนบอล
7-0!น้องหริดเปิดซิงสิงโต
ถัดมา 8 นาทีแม้อังกฤษจะเปลี่ยนเอาตัวหลักออกไปพักและผ่อนเกมลงแต่ก็ไม่วายได้ประตูที่เจ็ดจากจังหวะที่ยังวิ่งขึ้นไปทางกราบซ้ายถึงสุดเส้นแล้วเปิดเข้ากลางมาให้สเตอริดจ์เทกตัวขึ้นโขกบอลเสียบตาข่ายเปิดซิงประตูในเสื้อทีมชาติได้สำเร็จ
ซาไกเบิ้ล
นาที 77 สกอร์ขยับเป้น 8-0 เมื่อวอร์คเกอร์เติมเกมทะลุขึ้นมาทางกราบขวารับบอลจากเพื่อนแล้วปาดต่อเข้ากลางให้เดโฟเพื่อนร่วมสโมสรยิงเข้าไปนิ่มๆอังกฤษหนีห่างสุดกู่ 8-0
หลังจากนั้นก็ไม่มีประตูเพิ่มเติมทำให้จบเกมอังกฤษบุกมาถล่มซาน มาริโน่ 8-0 เก็บสามคะแนนพร้อมประตูได้เสียอีกบานเบอะขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงกลุ่มเอช
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม :
ซาน มาริโน่ : อัลโด ซิมอนชินี่ 2, ฟาบิโอ วิตาอิโอลี่ 1, มีร์โก ปาลาซซี่ 3, อเล็กซ์ แกสเกโรนี่ 2, อเลสซานโดร เดลล่า วัลเล่ 1, ดาวิเด้ ซิมอนชินี่ 3 , มัตเตโอ วิตาอิโอลี่ 3, ฟาบิโอ โบลลินี่ 3 (วาเลนตินี่ น.81), มิเชเล่ เซร์เวลลินี่ 1 , เอ็นริโก้ ไซเบลลี่ (บุสคารินี่ น.68,3), แอนดี้ เซลวา 4 (รินัลดี้ น.75,2)
อังกฤษ : โจ ฮาร์ท 7, ไคล์ วอล์คเกอร์ 7, เลห์ตัน เบนส์ 7, โจลีออน เลสค็อตต์ 6, คริส สมอลลิ่ง 6, ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ 6 (ออสมัน น.56,5), อเล็กซ์ อ็อกเลด แชมเบอร์เลน 7, แฟรงค์ แลมพาร์ด 7 (ปาร์คเกอร์ น.67,5), แอชลี่ย์ ยัง 8***, เจอร์เมน เดโฟ 8, เวย์น รูนี่ย์ 8 (สเตอริดจ์ น.56,7)
ตัวสำรอง : เบน ฟอสเตอร์, เฟร์เซอร์ ฟอสเตอร์, แอชลี่ย์ โคล, สตีเว่น เคาเกอร์, สก็อตต์ ปาร์คเกอร์, เจมส์ มิลเนอร์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ไมเคิ่ล คาร์ริค, ลีออน ออสมัน, แดนนี่ เวลเบ๊ค, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์