โคตรแม่เสียว!ราฮีมยิงเปิดซิงหงส์เชือดหืด 1-0
"หงส์แดง"ลิเวอร์พูลปลดล็อกนำ 3 แต้มในแอนฟิลด์ให้เดอะ ค็อปได้เชยชมหนแรกในฤดูกาลนี้ซักทีหลังได้ราฮีม สเตอร์ลิ่งเจ้าหนูดาวรุ่งยิงเปิดซิงตั้งแต่ครึ่งแรกเบียดเอาชนะเรดดิ้งหืด ปูดคอ 1-0 ขยับจาก 14 ขึ้นมาอยู่ 11 แล้ว
พรีเมียร์ลีก
วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม 2555
ลิเวอร์พูล 1-0 เร้ดดิ้ง
สนาม : แอนฟิลด์
ประตู : 1-0 ราฮีม สเตอร์ลิ่ง น. 29
คลิปไฮไลท์ พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 1-0 เรดดิ้ง
เบรนแดน รอดเจอร์สกุนซือตาหวานหมดสิทธิ์ใช้งานเปเป้ เรน่ามือกาวเบอร์ 1 ที่มีอาการเดี้ยงจากเกมทีมชาติทำให้ต้องส่งแบรด โจนส์จอมหนึบออสซี่ลงเฝ้าเสาแทนส่วนตำแหน่งอื่นๆเป็นไปตามโผอันเดร วิสดอม, มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาเนี่ยล แอกเกอร์และเกล็น จอห์นสันประจำการเป็นแบ็กโฟร์
กองกลางนำทีมโดยสตีเว่น เจอร์ราร์ด, นูริ ซาฮินและโจ อัลเลนปีกทั้ง 2 ข้างเป็นเด็กไฟแรงอย่างราฮีม สเตอร์ลิ่งและซูโซ่ส่วนกองหน้าคนเดียวของทีมอย่างหลุยส์ ซัวเรซยืนค้ำล่าตาข่าย
ด้านเร้ดดิ้งส่งอเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ย์ลงเฝ้าเสาแดนกลางนำโดยโจบี้ แม็คอานัฟฟ์กัปตันทีมส่วนพาเวล โพเกร็บเนี๊ยคหัวหอกรัสเซียประจำการตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า
ครึ่งแรก
หงส์บุกก่อนเลย
นาทีที่ 5 "หงส์แดง"เสียประโยชน์จากกรรมการก่อนเลยในจังหวะที่ซูโซ่ลากบอลจากริมเส้น ด้านขวาเข้ามากลางสนามก่อนชิฟข้ามหัวกองหลังไปให้นูริ ซาฮินที่วิ่งทะลุไปเอาบอลดวลเดี่ยวกับแม็คคาร์ธี่ย์แล้วแต่ไลน์แมนกลับยกธง ทั้งที่จากภาพช้าซาฮินอยู่ต่ำกว่ากองหลังทีมเยือนหลายก้าว
ถัดมาอีกนาทีเดียวเจ้าถิ่นยังครองบอลบุกป้วนเปี้ยนหน้ากรอบเขตโทษทีมเยือน ก่อนที่จะทำชิ่งกันบอลหลุดมาถึงเกล็น จอห์นสันได้แตะไปดวลกับแม็คคาร์ธี่ย์แล้วแต่กองหลังเร้ดดิ้งยังวิ่งมาเบียด พร้อมเคลียร์บอลออกไปได้
ซูโซ่ลองส่อง
เกมมาถึงนาทีที่ 10 "หงส์แดง"พยายามทำชิ่งหาช่องว่างเข้าทำแต่เร้ดดิ้งวางกองหลังเอาไว้เพียบ ทำให้ยังไม่มีโอกาสเหมาะซึ่งซูโซ่ได้บอลเลี้ยงผ่านผู้เล่นทีมเยือนจากขวามา ถึงหน้าปากเขตโทษก่อนสบโอกาสส่องด้วยซ้ายข้างถนัดแต่บอลดันไปโดนซัวเรซที่ ยืนเกะกะอยู่กระดอนออกหลังไป
สเตอร์ลิ่งเอาบ้าง
มาถึงนาทีที่ 15 ซัวเรซได้บอลลากตัดจากริมเส้นด้านขวามาถึงหน้าเขตโทษก่อนตัดสินใจผ่านบอลมา ให้สเตอร์ลิ่งที่วิ่งมารองบอลก่อนที่ปีกอพอลโล่จะพยายามหาช่องยิงประตูแต่จน แล้วจนรอดก็ยังยิงไปติดกองหลังทีมเยือนที่พุ่งตัวบล็อกเอาไว้ ก่อนที่สเตอร์ลิ่งจะได้ปั่นโค้งระยะไกล 30 หลาอีกครั้งแต่บอลไปเข้ามือของแม็คคาร์ธี่ย์
มาถึงตอนนี้เกมเป็นของลิเวอร์พูลเบ็ดเสร็จแต่เร้ดดิ้งก็ยังตั้งรับได้อย่างแน่นหนาเหลือเกิน
หม่อมเหยินชิพข้ามคาน
เกมมาถึงนาทีที่ 24 จากจังหวะที่อัลเลนวิ่งไปรับลูกทุ่มริมเส้นด้านขวาก่อนส่งไปให้ซัวเรซพยายาม เลี้ยงผ่านกองหลังเร้ดดิ้งหน้าปากเขตโทษแต่"หม่อมเหยิน"หาช่องไม่เจอเลยฉวย โอกาสชิพบอลย้อยไปตกบนตาข่ายได้เสียวทีเดียว
"หงส์แดง"มาอีกชุดเมื่อสเตอร์ลิ่งได้บอลโต้กลับริมเส้นด้านซ้ายซึ่งเขาลาก เข้ามาในกรอบเขตโทษก่อนเงยหน้ามองพร้อมผ่านเข้ากลางให้ซาฮินที่เติมขึ้นมา ซัดด้วยซ้ายบอลลอยโด่งข้ามคานอีกหน
สเตอร์ลิ่งเบิกร่องหงส์ทะยานนำ
นาทีที่ 29 ราฮีม สเตอร์ลิ่งเอาจนได้ในจังหวะโต้กลับที่อันเดร วิสดอมโหม่งเคลียร์มาจากแดนตัวเองบอลมาถึงซัวเรซกระดกด้วยขวาจังหวะเดียว กลางสนามให้สเตอร์ลิ่งหลุดเดี่ยวไปจิ้มบอลเข้าโคนเสาไกลแบบสุดสวยเป็นประตู นำของทีม 1-0 และเป็นประตูแรกของเจ้าตัวในพรีเมียร์ลีกด้วย
หม่อมเหยินพุ่งอีกแล้ว
"หม่อมเหยิน"ได้จังหวะเลี้ยงบอลไปมากลางสนามในนาทีที่ 34 โดยมีซูโซ่กับสเตอร์ลิ่งพยายามวิ่งทำทางไปบริเวณริมเส้นแต่ดาวยิงอุรุกวัย ไม่สนใจก้มหน้าตะบันด้วยขวาเต็มแรงระยะกว่า 30 หลาบอลพุ่งเลียดเฉี่ยวเสาไปนิดเดียว
ถัดมาไม่กี่อึดใจ"หงส์แดง"พยายามต่อบอลทำชิ่งใส่เร้ดดิ้งก่อนที่เจอร์ราร์ด จะยัดบอลไปให้ซัวเรซที่ปักหลักรออยู่วงกลมหน้ากรอบเขตโทษก่อนที่"หม่อม เหยิน"จะกระโดดตัวลอยล้มลงทำให้ทีมได้ฟรีคิกซึ่งเมื่อดูจากภาพช้านั้นเขาไม่ ได้โดนแคสเปอร์ส กอร์กส์เตะโดนแต่อย่างใดและจากลูกฟรีคิกนั้นซัวเรซก็ยิงไปชนกำแพงไม่ได้ลุ้น
จีเจเติมมาซัดเต็มเท้า
ก่อนหมดเวลานาทีเดียวสเตอร์ลิ่งได้บอลเลี้ยงหลอกล่อกองหลังเร้ดดิ้งในกรอบ เขตโทษด้านซ้ายก่อนแตะกลับมาให้จอห์นสันที่เติมขึ้นมายิงด้วยขวาอย่างแรงแต่ แม็คคาร์ธี่ย์ยังทุบบอลพ้นอันตรายไปได้
เกมมาเกิดจังหวะปัญหานิดหน่อยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บในจังหวะที่ซัวเรซโดนก อร์กส์หวดลงไปดินบริเวณริมเส้นแต่กรรมการไม่เป่าเป็นลูกฟาวล์ทำให้หลังจากจบ ครึ่งแรกบรรดานักเตะ"หงส์แดง"ออกอาการไม่พอใจเข้าไปรุมล้อมถามหาความ ยุติธรรมจากท่านเปา
ครึ่งหลัง
สเตอร์ลิ่งส่องได้ลุ้น
เปิดเกมขึ้นมาไม่ถึง 1 นาทีซัวเรซได้บอลในจังหวะโต้กลับกระชากขึ้นไปริมเส้นด้านขวาก่อนผ่านเข้า กลางไปให้สเตอร์ลิ่งได้จับบอลม้วนหาช่องก่อนยิงไปติดแม็คคาร์ธี่ย์ตรงกลาง ประตู
หลังจากนั้นเร้ดดิ้งได้ลุ้นบ้างจากจังหวะฟรีคิกริมกรอบเขตโทษด้านซ้ายแต่กัธทรี่ปั่นบอลข้ามคานออกไป
ซัวเรซอัดติดเซฟ-หงส์หวิดโดน
"หม่อมเหยิน"โชว์ลีลาการเลี้ยงบอลล็อกไปล็อกมาหน้ากรอบเขตโทษอีกครั้งในนาที ที่ 53 ทั้งที่ด้านซ้ายมีสเตอร์ลิ่งกับอัลเลนที่ยืนรอขอบอลในกรอบเขตโทษก่อนที่จะ โยกออกขวาแล้วยิงเต็มข้อแต่แม็คคาร์ธี่ย์ยังไวล้มตัวปัดเอาไว้ได้
ในจังหวะสวนกลับเร้ดดิ้งเกือบได้ประตูตีเสมอจากจังหวะที่แกเร็ธ แม็คเคลียรี่ตัวสำรองหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนยิงด้วยขวาแต่โจนส์ ยังออกมาปิดมุมเอาไว้ได้หมด
เร้ดดิ้งเริ่มคึก
เร้ดดิ้งเริ่มได้จังหวะอันตรายมีลุ้นตีเสมอมากขึ้นและเป็นโจบี้ แม็คอานัฟฟ์ได้ปั่นด้วยขวานอกกรอบเขตโทษแต่โจนส์ยังพุ่งเซฟเอาไว้ได้อีก ครั้งในนาทีที่ 57
หลังจากนั้น 2 นาที"หงส์แดง"ได้จังหวะโต้กลับบ้างและเป็นสเตอร์ลิ่งลากขึ้นมาริมเส้นด้าน ซ้ายก่อนปาดมาให้"หม่อมเหยิน"วิ่งเข้ามายิงด้วยซ้ายแต่บอลเหินออกไปไม่ได้ ลุ้น
ไอ้จ้อนหมูหก
เกมมาถึงนาทีที่ 65 กลายเป็นเร้ดดิ้งครองบอลบุกส่วนเจ้าถิ่นหาโอกาสสวนกลับและเป็นจังหวะที่ ซัวเรซได้บอลริมเส้นด้านขวาก่อนโยนยาวข้ามฟากไปให้เชลวี่ย์ที่ยืนโล่งๆใน กรอบเขตโทษแต่"ไอ้จ้อน"จับบอลแรกอย่างห่วยบอลกระฉอกไปเข้ามือแม็คคาร์ธีย์ หน้าตาเฉย
หลังจากนั้นเป็นจังหวะของเจอร์ราร์ดบ้างเมื่อกัปตันไดนาโมหลุดเข้าเขตโทษด้านซ้ายก่อนบรรจงแปให้เข้ากรอบแต่บอลเฉี่ยวเสาสองออกไป
หงส์ยังไม่ได้ลูก2
ลิเวอร์พูลเริ่มตั้งเกมกลับมาได้บ้างและเป็นจังหวะที่กองหลังของเร้ดดิ้ง สกัดบอลผ่านเข้ากลางไม่ดีไปเข้าเท้าของจอห์นสันที่เติมมันเหลือเกินในวันนี้ ได้สับไกระยะไม่ถึง 10 หลาแต่บอลไปติดบล็อกของแม็คคาร์ธี่ย์อยู่เหมือนเดิม
หลังจากนั้นซัวเรซมีโอกาสยิงแล้วยิงอีกถึง 3-4 ครั้งแต่บอลไม่โด่งข้ามคานก็ออกข้างเสาอย่างน่าเสียดายทำให้"หงส์แดง"ยังไม่ ได้ประตูทิ้งห่างเสียที
หงส์ยันอยู่
เกมเข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายลิเวอร์พูลเริ่มไม่กล้าทำเกมบุกมากเท่าไหร่เปิดโอกาสให้เร้ดดิ้ง ได้บอลสวนมาเป็นระยะแต่ก็ยังไม่คมพอที่จะส่งบอลผ่านมือโจนส์เข้าไปได้ทำให้ จบเกม"หงส์แดง"คว้าชัยนัดที่ 2 ของซีซั่นได้สำเร็จแบบต้องลุ้นกันเหนื่อย
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม :
ลิเวอร์พูล : แบรด โจนส์, เกล็น จอห์นสัน, ดาเนี่ยล แอกเกอร์ , มาร์ติน สเคอร์เทล, อันเดร วิสดอม, นูริ ซาฮิน (จอนโจ้ เชลวี่ย์ น. 63), สตีเว่น เจอร์ราร์ด, โจ อัลเลน, หลุยส์ ซัวเรซ, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น. 85), ซูโซ่ (โฆเซ่ เอ็นริเก้ น. 74)
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : ปีเตอร์ กูลัคชี่, เจมี่ คาร์ราเกอร์, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, อุสซามะ อัสไซดี้
เร้ดดิ้ง : อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ย์, นิคกี้ ชอรี่ย์, อาเดรียน มาเรียปป้า , แคสเปอร์ส กอร์กส์, ชอน คัมมิ่งส์, เย็ม คาราแคน (แกเร็ธ แม็คเคลียรี่ น. 25), มิเคเล่, เลเกิร์ตวู้ด, โจบี้ แม็คอานัฟฟ์, จิมมี่ เคเบ้, แดนนี่ กัธทรี่ (เจสัน โรเบิร์ตส น.80), พาเวล โพเกร็บเนี๊ยค (อดัม เล ฟอนเดร้ น. 74)
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : สจ๊วร์ต เทย์เลอร์, คริส กุนเทอร์, อเล็กซ์ เพียร์ซ, ฮัล ร็อบสัน-คานู
_________________