อุดดีนัก!หมูโขกสิงโตนำเร็วแล้วไงโดนมอนเตฯตีเจ๊า 1-1
เล่นทรงเดิมแต่แรกก็สิ้นเรื่องแล้วสำหรับอังกฤษที่ได้ประตูนำตั้งแต่ไก่โห่จากลูกโขกของรูนี่ย์แต่กลับเปลี่ยนแผนไปอุดจนโดนมอนเตเนโกรบุกยับสุดท้ายโดนยิงตีเสมอ 1-1 จบเกมได้แค่แต้มเดียวอดพลิกเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม
เกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก กลุ่ม H
วันอังคารที่ 26 มีนาคม 2556
มอนเตเนโกร 1 - 1 อังกฤษ
สนาม : พ็อดโกริก้า ซิตี้ สเตเดี๊ยม
ประตู :0-1 รูนี่ย์ น.6, 1-1 แดมยาโนวิช น.76
คลิปไฮไลท์ ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก มอนเตเนโกร 1-1 อังกฤษ
อังกฤษยกพลมาเยือนสนามของมอนเตเนโกรอีกครั้ง แน่นอนว่าคนที่หลอนที่สุดไม่ใช่ใครนอกจากรูนี่ย์ที่เคยถูกใบแดงไล่ออกเพราะไปตะบะแตกหวดนักเตะของเจ้าบ้านดื้อๆมาก่อนแล้ว
รูนี่ย์ได้กลับมายืนเป็นหน้าเป้าให้กับทีมที่เกมนี้ฮอดจ์สันเอาชัวร์อัดแดนกลางโคตรแน่น ไล่ลงหมดไม่ว่าจะเป็นเจอร์ราร์ด, มิลเนอร์, คาร์ริค, เคลฟเวอร์ลี่ย์และเวลเบ็คที่จะเล่นเป็นตัวขยันคอยช่วยเกมรับและรุกด้วย
ด้านมอนเตเนโกรไม่มีตัวอันตรายเพียบ แต่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือโยเวติซและวูซนิซที่พร้อมทะลวงประตูได้ตลอดเวลา
ก่อนเกมนี้มอนเตเนโกรมั่นใจว่าพวกเขาจะเอาชนะอังกฤษได้แน่นอน ออกมาพูดตั้งแต่กุนซือยันตัวนักเตะ หลังจากตอนนี้นำเป็นจ่าฝูงในกลุ่ม H มีคะแนนนำอังกฤษในอันดับที่ 2 อยู่ 2 คะแนนด้วยกัน
ครึ่งแรก
อย่างไว!หมูชิงจังหวะโขกผีเฮเลย
เล่นกันมาได้แค่ 6 นาที อังกฤษก็ทำเอาแฟนเจ้าบ้านนั่งใบ้แดกกันทั้งสนาม เมื่อพวกเขาได้เตะมุม ตอนแรกรูนี่ย์ยืนเบียดกับผู้เล่นมอนเตเนโกรแต่จังหวะดีกว่าเลยสลัดออกก่อนเทคตัวโหม่งเหน่งๆ ส่งบอลเสียบเสาแรกเข้าไป อังกฤษได้ไว 1-0
เกมค่อนข้างสูสี
ผ่าน 15 นาทีแรก เมื่อดูจากแผนของอังกฤษแล้วการได้ประตูนำอยู่ 1-0 นี้เข้าทางพวกเขาพอสมควร เพราะเตรียมเล่นหน้าเป้าอัดกลางมาเยอะอยู่แล้ว ส่วนมอนเตเนโกรเหมือนจะเมาหมัดนิดๆ แต่ถ้าได้ขยับเกมเรื่อยๆคงดีขึ้น
โก๋แดนตัวสั้นไปหน่อย
นาทีที่ 24 จริงๆก็สูงแล้วแต่จังหวะนี้มันยังไม่พอสำหรับเวลเบ็คที่เขาขยับเติมขึ้นไปอยู่ในเขตโทษแทนรูนี่ย์ที่ฉีกตัวออกไปด้านข้างแล้วพยายามปั่นบอลเข้าไปให้รุ่นน้องในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้โขก แต่บอลมันสูงไปหน่อยเลยได้แค่ลุ้นนิดๆ
สิงโตบุกได้น้ำได้เนื้อดีกว่า
แม้ว่านับกันด้วยภาพรวมมาตั้งแต่ต้นการครองบอลจะไม่ได้ดูเหนือกว่ากันมากนัก แต่การทำเกมรุกของอังกฤษดูจะได้ลุ้นกว่าเยอะ เป็นอีกครั้งที่พวกเขาบุกจนหวังประตูได้ จากจังหวะเจอร์ราร์ดไหลบอลออกด้านข้างให้มิลเนอร์ที่เติมขึ้นมาครอสบอลต่ำทะลุไปเสาสอง มีรูนี่ย์รอชาร์จแต่บอลมันแรงไปหน่อย พยายามแปแล้วแต่เอาไม่อยู่
มีโชว์นะครับแหม่!โก๋แดนตอกส้นเล่น
นาทีที่ 36 ไม่ฮาไม่ใช่เขาสำหรับเวลเบ็คที่สงสัยเห็นเกมมันตึงๆดูน่าเบื่อสำหรับแฟนบอล พอรับบอลมาจากเจอร์ราร์ดก็เลยจัดการโชว์ตอกส้นแบบไม่มองก่ะให้คืนกับกัปตันทีมลิเวอร์พูล แต่กลายเป็นตอกไม่ตรง ยังดีมีเพื่อนคนอื่นยืนใกล้ๆด้วย ไม่งั้นฮากว่านี้แน่
อันนี้ไม่ฮา!โก๋แดนพุ่งโดนเหลือง
นาทีที่ 41 ฮาไม่ออกเลยสำหรับเวลเบ็คกับจังหวะที่เขาพยายามจะตีโค้งอ้อมไปเอาบอลที่เพื่อนแทงทะลุช่องมาให้ พอโดนกองหลังเข้ามาเบียดเลยเกิดอาการขาอ่อนขึ้นมา ก่อนจะทิ้งตัวลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินมองว่านี่มันง่ายเกินไปเลยจัดการเป่าหยุดเกมพร้อมแจกใบเหลืองให้เลย
ผู้ตัดสินเป่านกหวีดจบ 45 นาทีแรกลงไปพร้อมกับหนึ่งประตูที่รูนี่ย์ทำได้ ทำให้อังกฤษเป็นฝ่ายบุกมาขึ้นนำอยู่ 1-0 แต่เกมมันยังเหลือให้เล่นอีกครั้ง ถ้าเสียสมาธิเมื่อไหร่เจ้าบ้านอย่างมอนเตเนโกรก็พร้อมกลับมาได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว
ครึ่งหลัง
มุมกล้องมันหลอก!หนูโยโหม่งนึกว่าหาย
เล่นครึ่งหลังมาได้แค่ 3 นาที แฟนเจ้าบ้านเฮกันเก้อเลย เพราะจังหวะที่โยเวติซขยับไปโขกบอลที่เพื่อนมาเปิดให้ที่เสาสองมันเหมือนจะเสียบเข้าไปในตาข่ายแล้ว แต่กลายเป็นโดนแค่ด้านข้างหน้าต่างเท่านั้น
มอนเตฯเดินหน้าบุกแหลกเลย
เข้าหนึ่งชั่วโมงเต็มของเกม กลับมาในครึ่งหลังนี่อังกฤษแทบจะไม่มีโอกาสบุกและโดยมากจะเป็นทางมอนเตเนโกรที่ได้ลุ้นอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะโยเวติซและวูซินิซ เพียงใดพวกเขายังคลำเป้ากันไม่เจอเท่านั้นเอง
โยเวติซเร่งตัวเองไปหน่อย
นาทีที่ 64 จริงๆจังหวะนี้น่าจะกลายเป็นการโต้กลับสุดน่ากลัวที่มอนเตเนโกรฉวยเอาจากจังหวะที่อังกฤษบุกได้ เพราะกองหลังทีมเยือนเหลือแค่ 2 ตัว โดยโยเวติซได้บอลกำลังควบขึ้นไปในแดนของอังกฤษได้แล้ว แต่เหมือนจะอยากรีบเปิดยาวไปให้เพื่อนที่อยู่ข้างหน้าเกิน บอลแรงไปเข้ามือฮาร์ทเลย
เสียว!ฮาร์ทรับแล้วมีหลุด
อีก 5 นาทีต่อมา ทำเสียวแบบนี้เล่นเอาแฟนบอลอังกฤษตื่นกันหมดหลังจากวูบๆอยู่ช่วงสำหรับฮาร์ทที่ทำท่าว่าจะรับบอลที่มอนเตเนโกรยัดเข้าไปที่หน้าประตูได้สนาม แต่กลับทำลั่นบอลเด้งลอดดากตัวเอง ดีที่มันไม่แฉลบเท้าหรือขาเข้าประตู เลยตามไปตะปบเอาไว้ได้นิ่งๆทัน
ขาดไปหน่อย!วูซินิซปั่นไม่พอ
นาทีที่ 72 เป็นอีกจังหวะที่วูซินิซล่อหลุดเป้าไป เมื่อเขาได้บอลนอกกรอบเขตโทษ มีเพื่อนวิ่งฉีกทำทางให้ด้านขวา แต่ช่องเปิดแบบนี้ขอซัดเอง พยายามปั่นหวังให้เสียบเสา แต่ต้องหนีบล็อกเลยกลายเป็นบอลพุ่งไม่พอหลุดออกหลังไป
สิงโตน่าโดน 2 ช็อตติด
อีก 2 นาทีต่อมา หวิดเอามากๆสำหรับอังกฤษที่จะโดนตีเสมอ จังหวะแรกเป็นการยิงนอกกรอบเขตโทษของโยเวติซที่จะเสียบเสาอยู่แล้ว แต่ฮาร์ทบินไปปัดได้ ก่อนจะต่อเนื่องกับการเตะมุมที่โยนเข้าไปแล้วบอลแฉลบพุ่งเข้าปากประตูแต่ดันชนเสาเด้งออกมา แม้จะตามซ้ำแต่ก็ติดบล็อกซะนี่
ไม่รอด!สิงโตกันแทบตายโดนยิงจนได้
นาทีที่ 76 มันก็น่าโดนหลายจังหวะแล้วสำหรับอังกฤษที่จนแล้วจนรอดก็ถูกตีเสมอ จากจังหวะต่อเนื่องอีกแล้วที่มอนเตเนโกรได้เตะมุมโยนเข้าไปตรงกลางมีตัวโขกเน้นๆติดเซฟของฮาร์ท ก่อนแดมยาโนวิชจะซ้ำไปติดบล็อกของเวลเบ็ค แต่บอลยังไม่ไปไหน เวลเบ็คพยายามจะกันอีกครั้งแต่กลายเป็นแตะบอลคืนกลับไปให้กับแดมยาโนวิชได้ยิงอีกครั้งคราวนี้ไม่พลาดบอลพุ่งซบตาข่าย มอนเตเนโกรกลับมาตีเสมอเป็น 1-1 พร้อมคึกเต็มที่ พลุไฟเพียบเลย
เวลายังเหลือให้โดนอีก
เกมเข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย ยังมีโอกาสให้พลิกเกมอยู่สำหรับมอนเตเนโกรเพราะในครึ่งหลังนี้อังกฤษเล่นเกมรับกันเต็มตัวแทบไม่มีจังหวะบุกให้ได้เห็นเลน ทำให้แม้ว่าพวกเขาจะพยายามเร่งแต่ก็ดูไม่ได้อันตรายอะไรนัก
ช่วงท้ายเกมอังกฤษเกือบจะได้ประตูจากการยิงฟรีคิกของเจอร์ราร์ดที่หนักหน่วงได้ใจ แต่ก็ไม่ผ่านมือของผู้รักษาประตูที่ทุบบอลออกมาได้ สุดท้ายจบ 90 นาทีพวกเขาบุกมาเสมอกับมอนเตเนโกรไป 1-1 คว้ากลับไปเพียงแค่ 1 คะแนนทำให้มีเพิ่มเป็น 12 คะแนน ส่วนเจ้าบ้านมีเพิ่มเป็น 14 คะแนน
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
มอนเตเนโกร : มลาเดน โบโซวิช, มาร์โก้ บาซ่า, วลาดิเมียร์ โบโซวิช(เดลิบาซิส น.75), มิโอแดร็ก ดซูโดวิช, สเตฟาน ซาวิซ, วลาดิมัยร์ โวลคอฟ, ไซม่อน วุคเซวิช(เคอร์โคติซ น.63), มิตาร์ โนวาโควิช(แดมยาโนวิช น.45), เอลแซด เวอร์โรติซ, สเตฟาน โยเวติซ, เมียร์โก้ วูซินิซ
สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : เซอร์ดาน บลาซิซ, มิลาน โยวาโนวิช, บลาโซ่ อีกูมาโนวิช, ฟาโตส เบกิรัจ, ฟิลิป คาซาลิก้า
อังกฤษ : โจ ฮาร์ท, เกล็น จอห์นสัน, แอชลี่ย์ โคล, โจเลี่ยน เลสค็อตต์, คริส สมอลลิ่ง, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, เจมส์ มิลเนอร์, ไมเคิ่ล คาร์ริค, แดนนี่ เวลเบ็ค, ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์(ยัง น.77), เวย์น รูนี่ย์
สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : เบน ฟอสเตอร์, ไคล์ วอล์คเกอร์, เลจ์ตัน เบนส์, สตีเว่น คอลเกอร์, แฟรงค์ แลมพาร์ด, สก็อตต์ ปาร์คเกอร์, เจอร์เมน เดโฟ, ดาเนียล สเตอร์ริดจ์