ข่าว 6 เรื่องควรรู้ ! หลังเกม ปีศาจแดง เปิดบ้านชนะ ยัง บอยส์ 1-0 ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก 28 พ.ย. 2018
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตบเท้าเข้ารอบต่อไปสำเร็จ หลังสามารถทำประตูชัยที่ต้องการได้ในนาทีที่ 91 ของเกม การันตีอย่างน้อยอันดับ 2 แน่นอนแล้วตอนนี้ ส่วน ยังบอยส์ ต้องตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย หลังเพิ่งจะมีแค่ 1 คะแนนเท่านัน้จาก 5 นัด
ไปดูกันว่ามีประเด็นอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นบ้างในเกมนัดนี้
1. แรชฟอร์ด ยังเอาใจนายใหญ่ไม่สำเร็จ
นับตั้งแต่ โรเมลู ลูกากู หลุดฟอร์มไป ดูเหมือนว่าอนาคตของ มาร์คัส แรชฟอร์ด จะเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ จากการได้โอกาสลงเป็นตัวจริงบ่อยครั้งขึ้น แต่ถึงกระนั้นศูนย์หน้าวัย 21 ปีก็ยังไม่สามารถฉวยโอกาสเหล่านั้นไว้ได้ยาวนา โดยเฉพาะอย่างยิงเมื่อเขายังสร้างความประทับใจให้ โชเซ มูรินโญ ไม่ได้เลย อย่างเช่นผลงานในเกมนัดนี้
แรชฟอร์ด แสดงให้เห็นถึงความขยันและความเร็วที่ยอดเยี่ยม รวมไปถึงทักษะการพลิกบอลหรือการเลี้ยงบอลที่ทำได้ดี แต่เขากลับขาดความคมไปเสียดื้อ ๆ เมื่อโอกาสยิงทั้ง 6 ครั้งของเขาไม่มีลูกไหนที่เป็นประตูเลย และตรงกรอบเพียงแค่ 1 ครั้งเท่านั้น
โดยเฉพาะในนาทีที่ 5 ซึ่งเป็นโอกาสแรกของเกม เมื่อเขาได้บอลทะลุช่องจาก ลุค ชอว์ จนหลุดเข้าไปดวลตัวต่อตัวกับนายทวาร ดาวิด ฟอน บัลโมส แต่เขากลับชิปข้ามคานออกไป ทำเอา โชเซ มูรินโญ หัวร้อนตั้งแต่ต้นเกมกันเลยทีเดียว
2. อีก 1 ครึ่งแรกที่ทำประตูไม่ได้
แม้ว่าจะครองบอลมากกว่าอย่างชัดเจนที่ 70 ต่อ 30 มีโอากสทำประตูมากกว่าครึ่งต่อครึ่งที่ 8 ครั้ง แต่สุดท้าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ยังไม่สามารถเจาะประตูคู่แข่งในครึ่งแรกได้ และเป็นเกมที่ 4 ติดต่อกันเข้าไปแล้ว
ประตูสุดท้ายที่พวกเขาทำได้ในครึ่งแรกเกิดขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน ในเกมที่พวกเขาออกไปเยือน บอร์นมัธ ซึ่งผู้ทำประตูก็คือ อ็องโตนี มาร์กซิยาล แต่ในเกมนี้ มาร์กซิยาล เพิ่งมีโอกาสยิงแค่ครั้งเดียว และถูกบล็อกเอาไว้ได้
ไม่ใช่ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่มีโอกาสบุกแต่อย่างใด พวกเขาทำได้น่ากลัวทีเดียว โดยเฉพาะความเร็วของ 3 กองหน้า อย่าง มาร์กซิยาล, แรชฟอร์ด และ ลินการ์ด แต่การจ่ายบอลสุดท้ายของพวกเขากลับไม่แม่นเอาเสียเลยโอกาสยิงของพวกเขาจึงน้อยกว่าที่ควร แถมจังหวะที่ได้ลุ้นประตูก็ยังทำพลาดไปเองอีกอย่างน่าเขกกระโหลก ไม่น่าแปลกใจที่ โชเซ มูรินโญ จะดูหัวเสียขนาดนั้น
3. โอกาสของ โจนส์
การบาดเจ็บของกองหลังที่มีผลงานดีที่สุดในทีมตอนนี้อย่าง วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ ทำให้ ฟิล โจนส์ ได้โอกาสลงมาโชว์ฝีมือบ้างเสียที ซึ่งถือเป็นโชคดีของเขาเสียเหลือเกินที่คู่แข่งเป็นทีมเล็ก ๆ อย่าง ยังบอยส์ เพราะมันทำให้เขาไม่ต้องเจอกับความกดดันมากนัก และสามารถทำหน้าที่ในแผงหลังได้อย่างดี
ไม่ธรรมดาทีเดียวสำหรับชายที่ได้ชื่อว่าช้าและเทอะทะ ในเกมนี้เขาสามารถตัดบอลจากคู่แข่งได้ 3 ครั้ง สกัดจากเท้า 1 ครั้ง เคลียร์บอลทิ้งอีก 3 ครั้ง และยังเอาชนะลูกกลางอากาศได้อีก 2 ครั้งด้วย
หาก ชอว์, ลินเดเลิฟ และ มาร์กซิยาล สามารถพลิกกลับมาจากผู้ที่ถูกลืมกลายเป็นฮีโร่ได้ โจนส์ ก็คงทำได้เหมือนกัน
หวังว่างั้นนะ
4. นายประตูที่ดีที่สุดคนนึงแห่งยุค
แม้ว่าจะไม่ต้องเจอลูกยิงอะไรยาก ๆ เลยเกือบทั้งเกม แต่เมื่อถึงคราวจำเป็น ดาบิด เด เคอา ก็พิสูจน์ได้ทันทีว่าทำไมทีมอย่าง เรอัล มาดริด หรือ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ถึงกล้าทุ่มเงินก้อนใหญ่เพื่อคว้าตัวเขาไปร่วมทีม หลังจากช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บคลีนชีตได้ในเกมนี้
ในนาทีที่ 70 ของเกมการแข่งขัน ยังบอยส์ ได้ลูกเตะมุมที่ฝั่งซ้าย การเปิดจังหวะแรกของพวกเขาโดน เฟลไลนี เคลียร์ออกมาได้ บอลไปเข้าทาง อูลิซิส การ์เซีย ได้ตั้งป้อมยิงจากนอกเขตโทษ บอลชิ่งไปโดนตัว เอ็มบาบู เปลี่ยนทางจนเกือบจะข้ามเส้นประตูอยู่แล้ว แต่ ดาบิด เด เคอา กลับพุ่งไปปัดได้ทัน ชนิดที่บอลนั้นข้ามเส้นไปแล้วครึ่งลูกด้วยซ้ำ
หากไม่มีจังหวะดังกล่าว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจจะเป็นฝ่ายปราชัยในเกมนี้ก็ได้ และนั่นจะยิ่งทำให้งานของพวกเขายากขึ้นเป็นกอง
5. มูรินโญ กระสับกระส่าย
ทั้ง ๆ ที่ทีมของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่ไม่น่าเชื่อว่า แมนเชสเตอร์ ยุไนเต็ด ในฤดูกาลนี้จะด้อยประสิทธิภาพในการทำประตูเป็นอย่างมาก อย่างในเกมลีกพวกเขาเพิ่งจะยิงได้แค่ 20 ประตูเท่านั้น น้อยที่สุดในกลุ่มท็อปซิกซ์ด้วยกัน ในขณะที่เกม แชมเปี้ยนส์ลีก พวกเขาเพิ่งจะยิงได้แค่ 5 ลูกก่อนเกมนี้ แถมยังเป็นการยิงไม่ได้ติดต่อกันถึง 2 นัดอีกด้วย
เมื่อประกอบกับฟอร์มสุดบู่ในเกมที่แล้วกับ คริสตัล พาเลซ ที่เปิดบ้านเสมอกันไป 0-0 โชเซ มูรินโญ ดูจะกระสับกระส่ายเหลือเกินกับผลงานอันน่าหงุดหงิดของลูกทีม ซึ่งเขาก็เก็บอาการไม่อยู่ตั้งแต่นาทีที่ 5 ของเกมเมื่อ มาร์คัส แรฟชอร์ด ชิปบอลข้ามคานออกไปทั้ง ๆ ที่กำลังหลุดเดี่ยวแล้วแท้ ๆ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโอกาสหลังจากนั้นอีกประมาณ 19 ครั้ง แต่ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายไม่ได้เสียที แถมเกือบจะมาเสียประตูให้ลูกแฉลบของ เอ็มบาบู ด้วย โชคยังดีที่ เด เคอา ยังมีสติพอที่จะปัดออกมาได้
และในที่สุดเมื่อทีมได้ประตูที่ต้องการ มันก็เหมือนกับการยกภูเขาขนาดยักษ์ออกจากอก ซึ่งก็คงไม่มีอะไรจะแสดงความรู้สึกสะใจได้มากไปกว่าการหยิบราวกระติกน้ำของลูกทีมเขวี้งไปกับพื้น เสมือนจะเป็นการบอกว่า 'ได้สักทีโว้ย'
6. สรุปผลกลุ่มอี, เอฟ, จี, เอช
กลุ่มอี
บาเยิร์น มิวนิค 5-1 เบนฟิก้า (ร็อบเบน 13', 30', เลวานดอฟสกี้ 36', 51', ริเบรี 76' - เกดซอน 46')
เออีเค เอเธนส์ 0-2 อาหยักซ์ อัมสเตอร์ดัม (ทาดิช 66', 72')
บาเยิร์น กับ อาหยักซ์ เข้ารอบแน่นอนแล้ว รอชิงแชมป์กลุ่มกันอีกที เบนฟิก้า ได้ไปเตะ ยูโรป้าลีก แน่นอนแล้วเช่นกัน ส่วน เอเธนส์ ตกรอบ
กลุ่มเอฟ
โอลิมปิก ลียง 2-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (กอร์เนต์ 62, 81' - ลาปอร์ต 62', อเกวโร 83')
ฮอฟเฟนไฮม์ 2-3 ชักตาร์ โดเน็ตสก์ (ครามาริช 17', ซูเบอร์ 40' - อิสไมลี 13', ไทซอน 15', 92')
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้ารอบแน่นอนแล้ว และต้องการอีกแค่ 1 แต้มเพื่อคว้าแชมป์กลุ่ม ในขณะที่ ลียง อันดับ 2 จะเจอกับ ชักตาร์ อันดับ 3 ในเกมสุดท้าย ลียง ขอแค่เสมอ ในขณะที่ ชักตาร์ ต้องชนะเท่านั้นจึงจะได้ไปต่อ ส่วน ฮอฟเฟนไฮม์ ยังมีลุ้นไป ยูโรป้าลีก หาก ชักตาร์ แพ้ แล้วพวกเขาชนะ แมนฯ ซิตี้ ได้ในเกมสุดท้าย
กลุ่มจี
ซีเอสเคเอ มอสโก 1-2 วิคตอเรีย พัลเซน (วลาชิช 10' - โปรคัซก้า 56', เฮย์ด้า 81')
โรมา 0-2 เรอัล มาดริด (เบล 47', บาสเกซ 59')
เรอัล มาดริด เป็นทีมแรกที่การันตีแชมป์กลุ่มจากการีเฮดทูเฮดเหนือ โรมา อันดับ 2 ส่วน โรมา การันตีอันดับ 2 และพื้นที่ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายแล้วเช่นกัน ด้าน ซีเอสเคเอ กับ พัลเซน ยังต้องชิงพื้นที่ ยูโรป้า โดยทั้งคู่มีแต้มเท่ากัน แต่ พัลเซน เฮดทูเฮดดีกว่า ถ้าเกมหน้าจบลงด้วยผลเหมือนกันทั้งคู่ พัลเซน จะได้ไป ยูโรป้าลีก
กลุ่มเอช
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 ยังบอยส์ เบิร์น (เฟลไลนี 90+1')
ยูเวนตุส 1-0 บาเลนเซีย (มานด์ซูกิช 59')
ยูเวนตุส กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เข้ารอบแล้ว 100% โดยต้องไปชิงแชมป์กลุ่มในเกมสุดท้าย ซึ่ง ยูเวนตุส ต้องชนะเท่านั้นจึงจะการันตีอันดับ 1 ส่วน แมนฯ ยูไนเต้ด จะคว้าแชมป์กลุ่มในทันทีหากพวกเขาชนะ บาเลนเซีย แล้ว ยูเวนตุส ไม่ชนะ ยังบอยส์ ด้าน บาเลนเซีย ไปเตะ ยูโรป้าลีก แน่นอนแล้ว และ ยังบอยส์ ตกรอบ
แท๊กที่เกียวข้อง
แหล่งข่าวจาก Hugball
ตารางคะแนน
2024-2025
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | ลิเวอร์พูล | 11 | 28 |
2 | แมนเชสเตอร์ | 11 | 23 |
3 | เชลซี | 11 | 19 |
4 | อาร์เซนอล | 11 | 19 |
5 | น็อตติ้งแฮม | 11 | 19 |
6 | ไบรท์ตัน | 11 | 19 |
7 | ฟูแล่ม | 11 | 18 |
ดูทั้งหมด |
2024-2025
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | แบงค็อก ยูไน | 13 | 30 |
2 | บุรีรัมย์ ยู | 11 | 27 |
3 | การท่าเรือ เ | 12 | 22 |
4 | บีจี ปทุม ยู� | 12 | 22 |
5 | พีที ประจวบ � | 13 | 22 |
6 | สุโขทัย เอฟซ | 14 | 20 |
7 | อุทัยธานี เอ | 13 | 18 |
ดูทั้งหมด |
2024-2025
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | บาเยิร์น มิว | 11 | 29 |
2 | RB ไลป์ซิก | 10 | 21 |
3 | ไอน์ทรัค แฟร | 10 | 20 |
4 | เลเวอร์คูเซ� | 10 | 17 |
5 | ไฟร์บวร์ก | 10 | 17 |
6 | ยูเนี่ยน เบอ | 10 | 16 |
7 | ดอร์ทมุนด์ | 10 | 16 |
ดูทั้งหมด |
2024-2025
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | นาโปลี | 12 | 26 |
2 | อตาลันต้า | 12 | 25 |
3 | ฟิออเรนติน่� | 12 | 25 |
4 | อินเตอร์ มิล | 12 | 25 |
5 | ลาซิโอ | 12 | 25 |
6 | ยูเวนตุส | 12 | 24 |
7 | เอซี มิลาน | 11 | 18 |
ดูทั้งหมด |
2024-2025
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | บาร์เซโลน่า | 13 | 33 |
2 | เรอัล มาดริด | 12 | 27 |
3 | แอตเลติโก มา | 13 | 26 |
4 | บียาร์เรอัล | 12 | 24 |
5 | โอซาซูน่า | 13 | 21 |
6 | แอธเลติก บิล | 13 | 20 |
7 | เรอัล เบติส | 13 | 20 |
ดูทั้งหมด |
2024-2025
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | ปารีส แซงต์ � | 12 | 32 |
2 | โมนาโก | 12 | 26 |
3 | โอลิมปิก มาร | 11 | 20 |
4 | ลีลล์ | 11 | 19 |
5 | โอลิมปิก ลีย | 11 | 18 |
6 | นีซ | 11 | 17 |
7 | แร็งส์ | 11 | 17 |
ดูทั้งหมด |